Voice TV - Wake Up Thailand
16h ·
'ณัฐวุฒิ' ประกาศเคียงข้างการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษา ประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย
'ณัฐวุฒิ' ประกาศในนามความเป็นมนุษย์จะยืนเคียงข้างการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ
พร้อมปฏิเสธความเกี่ยวเนื่องกับการพาดพิงถึงสถาบันฯ
https://www.facebook.com/wakeupthailand/videos/3831380066950387
.....Noi Thamsathien
15h ·
ถ้ามีโอกาสน่าจะไปฟังสิ่งที่ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อแถลงหลังได้รับอิสรภาพนะคะ เมื่อเช้านี้เอง มีสำนักข่าวถ่ายทอดเอาไว้ ยาวหน่อย เราสรุปมาเฉพาะบางเรื่องแบบคนบ้านไกลเวลาน้อย
.
- ให้ข้อมูลที่ทำให้เห็นภาพนักโทษในขั้นตอนก่อนจะได้พักโทษ การได้รับการลดโทษเมื่อมีการพระราชทานอภัยโทษ เขาแจกแจงขั้นตอนจนถึงการออกมาและสวมกำไลมืออิเลคทรอนิสค์ มีรายงานตัวตลอด ไม่ออกจากเขตที่ให้อยู่หรือเข้าใกล้สถานที่บางแห่งที่ห้าม จะออกจากพท.มีการทำหนังสือขออนุญาตทุกครั้ง มีกระทั่งการไปฟังธรรมที่อำนวยความสะดวกให้โดยกรมควบคุมความประพฤติ รวมไปถึงการอยู่ในเรือนจำก่อนหน้านั้น และว่าที่เกิดกับเขานั้นมันคือขั้นตอนทั่วไป ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกระบวนการที่ผู้ต้องขังทุกคนที่เข้าหลักเกณฑ์จะได้รับ "ขอบคุณก.ยุติธรรมและทุกคนที่ปฏิบัติต่อกันตามระเบียบกติกา" (ตรงนี้กำลังจะเป็นมาตรฐานใหม่ เมื่อไหร่ที่จนท.ปฏิบัติตามระเบียบ ปชช.ขอบคุณและบันทึกเอาไว้)
.
- เข้าคุกสองปีแปดเดือนหนนี้เป็นการเข้าคุกครั้งที่สาม ณัฐวุฒิว่า แต่คดีนี้จบ ยังมีอีกหลายคดีรออยู่
.
- นักข่าวถามเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองตอนนี้ ณัฐวุฒิบอกว่าสนับสนุนแต่ไม่ใช่พื้นที่ของตัวเองที่จะไปนำการเคลื่อนไหว แสดงท่าทีสนับสนุน เคารพการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่แต่ไม่ก้าวล่วง สนับสนุนเพราะจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง และสนับสนุน "ในนามของความเป็นมนุษย์" เพราะคนหนุ่มสาวเหล่านี้ คือ "คนกลุ่มแรกที่หยิบยื่นความเข้าใจ เห็นใจและเกียรติยศศักดิ์ศรีคืนให้พวกผม" ซึ่งก็คือคนเสื้อแดง หลังจากที่คนเสื้อแดง "ถูกเหยียบย่ำ คุมขัง ยิงตายบนถนน คดีไม่ถึงศาล ถูกเรียกเป็นควาย ถูกตราหน้าเป็นขบวนการรับจ้าง ถูกกาหัวเป็นคนไร้ค่า" "ในนามของความเป็นมนุษย์ ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ ผมมีโลกใบเดียว ถ้าผมต่อต้านเผด็จการในเมียนมา ผมก็ต่อต้านเผด็จการในเมืองไทย"
.
- "การต่อสู้ของพวกเขา มีบางส่วนที่ผมเห็นด้วย และมีส่วนที่ผมห่วงใย แต่ในส่วนที่พวกเขาเป็นคนหนุ่มสาว ผมมีแต่ความรักและความห่วงใย ไม่มีอย่างอื่น"
.
- มีนักข่าวถามทำนองประเมินการเคลื่อนไหว ณัฐวุฒิไม่มีให้ เขาบอกว่าในการต่อสู้ นักสู้สรุปบทเรียนพัฒนาตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป การต่อสู้ของพวกเขาจะระมัดระวังมากขึ้นและแหลมคมขึ้น เพราะประสบการณ์มากขึ้น "เมื่อพวกเขาก้าวออกมาต่อสู้ วางชีวิตและอิสรภาพเป็นเดิมพัน พวกเขาก็เท่าเทียมกับผม ถ้าผมเป็นนักต่อสู้ พวกเขาก็เป็นนักต่อสู้ที่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีเท่ากัน ผมเคารพพวกเขาและคงไม่แน่พอจะมาประเมินสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่" แต่ก็ฝากบอกน้องๆว่า "พี่เต้นยังอยู่ตรงนี้ เคียงข้างเสมอ"
.
- ณัฐวุฒิบอกว่าได้เจอและคุยกับคนหนุ่มสาวที่เข้าไปใหม่ในเรือนจำบ้าง ไม่ได้คุยยาว แค่ทักทายกันเมื่อพบ ได้ถามเพนกวิ้นว่า ได้ยินว่าเอ่ยชื่อณัฐวุฒิหลายครั้งบนเวที รู้จักได้ยังไง เพนกวิ้นตอบว่า เห็นณัฐวุฒิตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ซึ่งคือปีห้าสาม ณัฐวุฒิบอกว่า ถ้าปีห้าสามเพนกวิ้นอายุสิบเอ็ด เวลานั้นคือสิบปีที่แล้ว หลังจากนั้นสิบปีเพนกวินมานำการต่อสู้ สิ่งที่เขากลัวคือ จากนี้อีกสิบปีมันอาจจะเป็นคิวของเขาที่ต้องลุกขึ้นมาวิ่งขึ้นวิ่งลงศาลเพื่อขอประกันตัวลูกตัวเองเหมือนกลุ่มแม่ๆของไผ่ ไมค์ รุ้ง ฯลฯ ในตอนนี้ เขาชี้ว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ควรที่จะต้องใช้เวลานี้ของชีวิตสะสมความรู้ประสบการณ์เพื่อนำพาประเทศในอนาคตแต่กลับต้องมาใช้เวลาในคุก แต่เตือนสังคมว่า ไม่อยากให้สังคมสะใจ คิดว่าเมื่อเด็กทำผิดก็สมควรรับผิดตามกฎหมาย รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ ณัฐวุฒิเห็นว่าคนที่ต้องรับชอบคือผู้ใหญ่ ต้องรับผิดชอบที่สะสมปัญหาเอาไว้ให้คนรุ่นใหม่ต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องหาทางแก้ไข เขาย้ำว่า คนเป็นผู้ใหญ่ในสังคมต้องคิดและฟังเด็ก เหมือนพ่อแม่ที่ทะเลาะกันมานาน เมื่อลูกลุกขึ้นมาร้องว่าทนไม่ไหวแล้ว ต้องฟังและหาทางออก ไม่ใช่ปิดปากเด็กๆ เมื่อเด็กๆบอกว่าโลกแบบที่เป็นอยู่ไม่ใช่แบบที่พวกเขาต้องการ พวกเขาต้องการโลกที่ปรับตัวตามยุคสมัย ก็ควรจะต้องฟังและหาทางออก
.
"เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความเปลี่ยนแปลงคือความแน่นอน ไม่มีใครหนีกฎเกณฑ์นี้ได้" แต่ "เราอยู่ร่วมกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ไม่มีใครต้องทำลายกันและกันจนอยู่ไม่ได้ เราอยู่ร่วมกันได้"
.
"กับคนหนุ่มสาว เมตตาอย่าอาฆาต กับคนหนุ่มสาว กรุณาอย่าพยาบาท ผมเชื่อว่าบ้านเมืองมีทางออก"
.....
เวอร์ชั่นเต็ม