มันถึงจุดที่กองทัพพม่าเป็นหมาบ้า ‘ฆ่าไม่ยั้ง’ แม้กระทั่งเผาคนทั้งเป็น จนไม่สามารถใช้การ ‘เจรจา’ หาทางออกด้วยวิถีการทูตได้อีกแล้ว รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐประกาศหนุนผู้นำทหารทั่วโลก ที่ประณามพฤติกรรมชั่วร้ายของ ‘ทัตมาดอว์’
รัฐบาลสืบทอดอำนาจคณะทหารไทย มีส่วนให้ท้ายความ ‘ป่าเถื่อน’ ของคณะยึดอำนาจพม่า ด้วยการลักลอบส่งเสบียงอาหาร และไปร่วมสวนสนามวันกองทัพ ซึ่งเป็นวันที่ประชาชนพม่าถูกทหารฆ่ามากเป็นประวัติการณ์ ถึง ๑๑๔ คนทั่วประเทศ
ภราดรภาพของชาวพม่า ฮ่องกง ไต้หวัน ทิเบต ไทย และกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในสหรัฐ ร่วมกันชุมนุมใหญ๋บริเวณโฟลี่ย์สแควร์ ในเกาะแมนแฮ้ทตันส่วนล่าง นครนิวยอร์ค มีผู้ร่วมล้นหลาม แสดงถึงการรับรู้ในระดับโลก ในอาชญากรรมต่อมนุษย์ของคณะทหารพม่า
คณะมนตรีพิเศษให้คำปรึกษาเรื่องความรุนแรงในพม่า อันเป็นองค์กรเอกชนนานาชาติ บริหารและดำเนินงานโดยกลุ่มอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในองค์การสหประชาชาติ เสนอมาตรการ ‘สามตัด’ เพื่อจัดการกับหมาบ้าทัตมาดอว์ โดยระงับการขายอาวุธเป็นอันดับแรก
อีกมาตรการที่สหรัฐนำร่องไปแล้วในด้านการโอนเงิน คือปิดกั้นและยุติการทำธุรกรรมกับบริษัทต่างๆ ที่ผู้นำและคณะรัฐประหารพม่าเป็นเจ้าของ ส่วนการ ‘ตัด’ อันดับสามก็คือ ส่งฟ้องคดีการกดขี่เข่นฆ่าประชาชนโดยทหารพม่า ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
ในประเทศไทย ทั้งรัฐบาลและเครือข่ายการเมืองที่ ‘อดีต’ คณะรัฐประหารเกื้อหนุน (สว.ตู่ตั้ง เป็นอาทิ) ต่างนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ซ้ำร้าย ส.ส.หญิงฝ่ายรัฐบาลคนหนึ่งออกมาพยายามสร้างความชอบธรรมว่า การส่งทหารไทยไปร่วมสวนสนามที่เนเปียวดอว์ เป็นชั้นเชิงการทูตที่แยบยล
หามิได้ แท้จริงเป็นการแสดงอาการ ‘เสล่อ’ (เพื่อปลอบใจสลิ่ม) ของ ส.ส.หญิงคนนั้นเสียมากกว่า อย่างน้อยๆ เงี่ยฟังอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เสียบ้างอาจทำให้หูตาสว่างขึ้นได้ ในข้อหนึ่งที่เขากล่าวถึงผลกระทบต่อไทย
ด้าน ‘จุดยืน ภาพพจน์ และชื่อเสียง’ “เมื่อกองทัพเมียนมา มีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง” แท้จริงยิ่งกว่านั้น ทหารพม่าเวลานี้ออกไล่ล่าประชากรถึงในบ้าน เด้กเล็กจำนวนมากเสียชีวิตและบาดเจ็บเพราะหมู่บ้านถูกทหารยิงสาดใส่
“ทำให้หลักการไม่แทรกแซงในกิจการภายในของประเทศอาเซียน ต้องมีการทำความเข้าใจกันใหม่ เพราะตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ” ในเมื่อทหารพม่าเวลานี้ “ละเมิดหลักมนุษยธรรม (และ) อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
นายสุรเกียรติ์ยังเอ่ยถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทำให้ “เมียนมาดิ่งเหวลงไปอีก” แรงสะเทือนกระเพื่อมเข้ามาไทยอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนน้อยใหญ่จากไทย ที่ไปปลูกต้นเงินต้นทองไว้ที่นั่น ไม่ว่าจะแถบทวายหรือแค่ท่าชีเล็ก
ด้านสังคมนี่ย่อมกระแทกถึงไทยก่อนอื่นใด เมื่อปรากฏมีผู้อพยพชาวกะหรี่ยงหนีเข้าไทยตามแนวป่าแม่น้ำสาละวิน จำนวนไม่น้อยกว่า ๒ พันคน หลังจากที่กองทัพพม่าตอบโต้กองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง ด้วยการโจมตีทางอากาศอย่างหนักสองระลอก
ในไทย การคุกคามต่อสิทธิและเสรีภาพของมวลชน ในการแสดงออกเพื่อประท้วงความไร้ประสิทธิภาพทางการบริหารประเทศของรัฐบาล และการใช้อำนาจบาตรใหญ่นอกเหนือขอบข่ายนิติธรรมสากล ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วานนี้กำลังตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชนครบเครื่องมือสลายชุมนุม เข้าลุยกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนไม่กี่สิบคน ซึ่งนอนนิ่งอย่างสันติบนพื้นถนนบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ต่อความรุนแรงในการสลายชุมนุม รื้อถอนหมู่บ้านทะลุฟ้า เมื่อวันก่อนหน้า
ยิ่งชีพ (เป๋า) @yingcheep มีข้อสังเกตุว่า “วันนี้ตำรวจมาแผนใหม่ จริงจังมากในการกันนักข่าวและคนที่จะถ่ายรูปออก รู้อยู่แล้วว่าการจับผู้ชุมนุมที่นั่งและนอนอยู่โดยสงบเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี (ผิดกฎหมายด้วย) แทนที่จะเลือกไม่จับ กลับเลือกพยายามไม่ให้มีภาพ”
ไม่เท่านั้น “ความย้อนแย้ง สองมาตรฐานของรัฐบาลนี้” ยังมีอีก “สส.พปชร.พา ๓๐๐ คนเล่นสเก็ตบนถนนราชดำเนิน ไม่ผิด #พรกฉุกเฉิน พรบ.ควบคุมโรค ไม่เสี่ยง #โควิด เราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆ เหรอ” joe black@joe_black317 ถามแดกดัน
มาดามเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.คนดังพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสามีคุมเครือข่ายสื่อฐานรองอำนาจรัฐบาล อ้างว่าการ #ใส่ชุดไทยไถสเก็ต ระยะทาง ๔ กิโลเมตรบนถนนราชดำเนินนี้ “เป็นกิจกรรมดีๆ ที่ช่วยสร้างสรรสังคมให้น่าอยู่”
จึงใช้พื้นที่สาธารณะได้อย่างสะดวก มีตำรวจคอยเอื้ออำนวยอวยชัย จนพูดได้อย่างเต้มปากว่า “อยุ่ฝั่งไหนไม่สำคัญค่ะ” เธอพูดไม่หมด ขาดไปประโยคหนึ่ง “อยู่ฝั่งนี้สุขสันต์หรรษา”
(https://specialadvisorycouncil.org/media-1, https://www.matichon.co.th/politics/news_2646641, https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2946508788932835 และ https://www.facebook.com/ThaiPBSFan/posts/10165493203725085)