ก่อนประชุม ครม.ใหม่ จะถ่ายรูปรวมหมู่กันที่สนามหญ้าหน้าทำเนียบ ก็เลยให้ตำรวจ คฝ.สี่กองร้อยเข้าทะลาย ‘หมู่บ้านทะลุฟ้า’ ตั้งแต่เช้ามืด “มีเยาวชนโดนจับ มีมวลชนโดนจับ มีพี่คนนึงชัก มีน้องอาชีวะโดนเตะ มี ‘อีโอดี’ ลงตรวจสอบพื้นที่และยึดของ”
สรุปย่อจาก ITRC@charoenpura สะท้อนรายละเอียดที่ว่า ผู้ชุมนุมเกือบ ๗๐ คนถูกนำตัวขึ้นรถไปไว้ที่ ตชด.ภาค ๑ ภิกษุสององค์ที่ร่วมชุมนุม ถูกนำไปถอดจีวรก่อนส่ง ตชด. ส่วนข้าวของที่รื้อถอนเอาไปไว้ สน.นางเลิ้ง ใครอยากได้คืนไปตามเอา
แม้แต่ลุงซึ่งเกิดอาการชัก ก็ไม่ยอมเรียกรถพยาบาลดูแล เสร็จแล้วตำรวจนครบาลออกมาแถลง “มีการลักทรัพย์สินไฟฟ้าน้ำประปา การทุบทำลายสิ่งของราชการ” ซึ่งมันไม่ต่างกับม็อบพันธมิตรฯ และ กปปส.เมื่อก่อนสักนิด ซึ่งยึดทั้งทำเนียบฯ เป็นเดือน
“ความผิดอื่น...พบกัญชาแท่งจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์เซ็กส์ทอยและถุงยางอนามัย” อีกทั้งขวดน้ำกระท่อม ชวนให้หวนนึกถึงความอึดถึดบึกบึนของ สุเทพ เทือกสุบรรณ บนเวทีปราศรัย และความสนุกสนานชั่วคราวของผู้ประกาศสาวกับดาราชายหลังเวที
รัฐบาลประสาทอ่อน ผิวบาง เร่งเคลียร์พื้นที่ริมคลองผดุงฯ ข้างทำเนียบ “หากไม่เคลียร์ก็คงมีเสียงผู้ชุมนุมตะโกนไล่...ทุกครั้งที่รถขบวนนายกฯ เข้าออกทำเนียบฯ และส่งเสียงเป็นระยะ...จนนายกฯ เคยบอกสื่อว่า รบกวนสมาธิการทำงาน” (-Wassana Nanuam)
นายกฯ สมองนิ่ม ไข่ในหินคนนี้ยังทนรับกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาไม่ได้ เมื่อเนื้อความการอภิปรายออกไปสู่สาธารณะและสื่อสังคม จึงให้ อภิวัฒน์ ขันทอง ทีมงาน (ประธาน คตส.) ไปยื่นฟ้องไว้ที่ สน.นางเลิ้ง หาเรื่องเอาผิด
กล่าวหา อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าหมิ่นประมาทจากการ “นำเนื้อข่าวที่สื่อถ่ายถอดข้อความอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในสภา มาแชร์ลงทวิตเตอร์” เป็นการใช้กฎหมายทำร้ายผู้ชุมนุม ทำนองเดียวกับทหารพม่าฆ่าดะ ไม่เว้นเด็กเล็ก
“เฉพาะวันนี้ (๒๗ มีนา) เผด็จการพม่าฆ่าประชาชน ๑๐๖ คน ข้อมูลจาก Myanmar now รวมเหยื่อเผด็จการพม่าเสียชีวิตเกือบ ๕๐๐ คนแล้ว” ด้วยการสนับสนุนของ ‘กึ่งเผด็จการ’ รัฐบาลอดีตนายทหารไทย ส่งเสบียงให้ไม่พอ ช่วยแพร่ประกาศล่าตัว ๖ แกนนำต้านรัฐประหาร
เหล่านั้นบ่งบอกถึงจิตสำนึกในกมลสันดานอันคล้ายคลึงกัน ที่ไม่เคยยี่หระหรือยึดมั่นกับหลักการสิทธิมนุษยชน มุ่งแต่เอาชนะและรักษาอำนาจกดขี่ของตนไว้ จึงได้ “มีการกล่อมกันอยู่ในกองพัน ว่าผู้ชุมนุมคืออริราชศัตรู” ดังที่ ศราวุธ ตั้งประเสริฐ เล่า
นักข่าวอาวุโสของ ‘ประชาไท’ ผู้นี้ย้อนรำลึกประสบการณ์เมื่อทหารเข้าสลายการชุมนุม
ในเหตุการณ์ปี ๒๕๕๓ ว่ามีทหารคนหนึ่งเล่าให้ตนฟัง
เขายังพูดถึงม็อบรุ่นปัจจุบันที่เขายังเข้าไปทำข่าวในพื้นที่สม่ำเสมอ ว่า “เด็กรุ่นนี้กล้าเปิดตรงๆ
เรื่องที่คนรุ่นพ่อแม่ชอบก้อสซิบ ลูกเอามาเปิดตรงๆ การต่อสู้ของเด็กรุ่นนี้ ไม่ได้ตบหน้าแค่ชนชั้นนำ แต่ตบหน้าพ่อแม่เขาด้วย” นอกจากนั้นยังมีองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนในภาคเอกชนบางหน่วย กล้าพอที่จะตรวจสอบการลุแก่อำนาจของเจ้าหน้าที่
“ภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยผู้เสียหายและผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจำนวน ๑๑ คน...ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ยุติการใช้กำลังจัดการการชุมนุมที่รุนแรงเกินสมควรแก่เหตุ”
นางอังคณา นีละไพจิตร และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว พร้อมด้วยทนาย เป็นตัวแทนกลุ่มไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อสองวันก่อน จากเหตุสลายการชุมนุมหน้าตึกรัฐสภา เกียกกาย เมื่อ ๑๗ พฤศจิกา ปีที่แล้ว หนึ่งในเหตุแห่งความเสียหายเป็นการใช้กำลัง
รวมทั้ง “การฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง มีแผลผุพอง มีอาการปวดแสบปวดร้อน หายใจไม่ออก” จึงร้องให้มี “การตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ทำไม่ถูกต้อง...ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน”
บ่ายสามโมงวันนี้จึงเห็นพ้อง สนับสนุนคณะ “#ราษฎร ประกาศทำกิจกรรมต่อที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐเวลา ๑๕.๐๐ น.” เพื่อยืนหยัดข้อเรียกร้องเดิม เพิ่มด้วยข้อหาลุแก่อำนาจทะลายหมู่บ้านทะลุฟ้า
(https://www.facebook.com/ThaiNewsPix/posts/2913480748937202 และ https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2645880)