วันพฤหัสบดี, มีนาคม 25, 2564
ฟ้า พรหมศร ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 อดอาหารเป็นคนที่สองเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว ตามหลัง เพนกวิน
iLaw
12h ·
ฟ้า พรหมศร ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 อดอาหารเป็นคนที่สองเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว ตามหลังพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ซึ่งฟ้า เริ่มอดอาหารตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2564 ด้านเพนกวิน ซึ่งอดอาหารตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ยังคงอดต่อเนื่อง แต่ยกระดับเหลือกินแค่น้ำกับเกลือแร่ ทั้งสองคนถูกแยกไปคุมขังในเรือนจำที่ไม่มีเพื่อนนักโทษการเมืองคนอื่นคอยดูแล
ฟ้า พรหมศร ถูกตำรวจ สภ.ธัญบุรี เรียกให้ไปรายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวหาในช่วงบ่ายวันที่ 17 มีนาคม 2564 ด้วยข้อหาจากการปราศรัยในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564 ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนิว ศิริชัย นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ถูกจับกุมมาก่อนหน้านั้น นอกจากจะถูกตั้งข้อหามาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์แล้ว ฟ้ายังถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ และพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง
การประสานงานเบื้องต้นกับตำรวจ ไม่ได้แจ้งว่าจะเอาตัวไปฝากขังในวันเดียวกัน แต่เมื่อกระบวนการรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ตำรวจก็แจ้งให้ไปศาลตอนนั้นทันทีเพื่อขอฝากขัง ศาลจังหวัดธัญบุรีรับฝากขัง และทนายความทำเอกสารยื่นประกันตัวเสร็จในเวลาประมาณ 18.00 น. ก่อนที่ศาลจะสั่งไม่ให้ประกันด้วยเหตุอัตราโทษสูง เกรงหลบหนี และจะกระทำความผิดซ้ำ ฟ้าจึงถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำอำเภอธัญบุรีทันทีในคืนนั้น และถูกคุมขังเรื่อยมา ทนายความได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ให้ประกันตัวแล้ว แต่ศาลสั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนี
ฟ้า เป็นนักโทษในคดีจากการชุมนุมทางการเมืองคนเดียวที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี ซึ่งภายใต้สถานการณ์โควิด เรือนจำไม่อนุญาตให้เพื่อนและญาติเข้าเยี่ยม อนุญาตแต่ทนายความที่เข้าเยี่ยมเพื่อปรึกษาคดีเท่านั้น ซึ่งทนายความไปเยี่ยมในวันที่ 24 มีนาคม 2564 และได้ทราบว่า ฟ้า ตัดสินใจแสดงออกโดยการอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว มาแล้วเป็นเวลา 6 วัน โดยยังดื่มน้ำ ดื่มนม และน้ำหวาน ทนายความที่เข้าเยี่ยมเล่าว่า ฟ้ายังมีสีหน้าแจ่มใส และสุขภาพร่างกายยังโอเค โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำดูแลอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้พริษฐ์ หรือเพนกวิน ผู้ต้องหาในคดีชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งประกาศต่อศาลว่าจะอดอาหารตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 ถูกย้ายไปคุมขังที่สถานกักขังกลาง จังหวัดปทุมธานี เนื่องจากถูกศาลสั่งลงโทษกักขังในข้อหาละเมิดอำนาจศาล จากการอ่านแถลงการณ์ในห้องพิจารณาคดี ทำให้เขาถูกคุมขังคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนนักโทษในคดีเดียวกันอยู่ด้วย
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 เพนกวิ้นได้ส่งข้อความผ่านทนายความว่า จะยกระดับการอดอาหารของตัวเอง จากเดิมที่ดื่มน้ำ นม และน้ำหวาน เปลี่ยนเป็นการประทังชีพเพียงน้ำเปล่าและเกลือแร่เท่านั้น เนื่องจากผิดหวังและเสียใจที่ถ้อยแถลงและการอดอาหารที่ผ่านมาไม่สามารถปลุกสามัญสำนึกของผู้พิพากษาได้ เพราะแทนที่จะรับฟังกลับลงโทษด้วยข้อหาละเมิดอำนาจศาล
จากการเข้าเยี่ยมของทนายความที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี พบว่าเพนกวิ้นมีสภาพอ่อนเพลีย ร่างกายซูบลง เดินหรือเคลื่อนไหวตัวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากสอบถามอาการเมื่อต้องกินแต่น้ำเปล่าและเกลือแร่ เพนกวิ้นบอกว่า รู้สึกเพลียมากกว่าเดิม มีอาการปวดหัว วิสัยทัศน์ในการมองเห็นเริ่มแย่ลง และเหนื่อยมากเมื่อต้องยืนหรือพูด
สภาพความเป็นอยู่ด้านในสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี เพนกวิ้นเล่าว่า สถานที่ อาคารด้านนอกยังอยู่ในสภาพดี มีสนามหญ้า ต้นไม้ พื้นที่สีเขียวให้ได้ผ่อนคลาย มีศาลาที่เป็นหอพระอยู่ตรงกลางสนาม มีแปลงผักกาดอยู่หน้าเรือนนอน แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถลงมาเดินเล่นหรือทำกิจกรรมใดๆได้ ต้องอยู่แต่ในเรือนนอนเพราะเป็นช่วงกักโรค 14 วัน เพนกวิ้นบอกว่า นึกถึงโรงเรียนสมัยเด็กที่ลำปาง ตั้งแต่ที่มาถึงสถานกักขังกลางแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ก็คอยมาสอบถามอาการอยู่ตลอด
นอกจากนี้เพนกวิ้นบอกว่า พออดข้าวแล้วสมองจะไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น เหลือแค่หัวใจใช้สัมผัสความรู้สึก ยิ่งคิดถึงเพื่อนมากกว่าเดิม เมื่อรู้ว่าจะมีการชุมนุม ก็ได้ฝากข้อความถึงเพื่อนๆ ว่า “ถึงเพื่อนๆ แนวร่วมฯ คิดถึงและภูมิใจในตัวทุกคน ด้วยรัก จากกวิ้น หมายเหตุ ไม่ว่าเย็นนี้จะมีคนชูสามนิ้วกี่คนให้บวกเพิ่มไปอีกหนึ่งเพราะตรงนี้ก็จะชูด้วย” ในวันนี้เพนกวิ้นได้บอกกับทนายความว่า ถ้าตนได้ออกไปสิ่งแรกที่จะทำคือการชวนครอบครัวไปนั่งทานอาหารทะเลที่สะพานปลาเมืองชะอำ ดูวิวทะเลและชาวประมงที่หาปลามาได้ เหมือนที่เคยไปตอนเด็กๆ
เพนกวิ้น หรือพริษฐ์ ชิวารักษ์ ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 หลังจากอัยการมีคำสั่งฟ้องในคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร จนกระทั่งวันที่ 22 มีนาคม 2564 ศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษในคดีละเมิดอำนาจศาลจากเหตุการณ์ลุกขึ้นอ่านคำแถลงในห้องพิจารณาจนเกิดความวุ่นวายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 จึงมีคำสั่งให้เพนกวิ้นต้องรับโทษจำคุก 1 เดือน แต่ศาลลดโทษให้เหลือกักขัง 15 วัน โดยให้เหตุผลว่า จำเลยรับสารภาพและยังคงเป็นนักศึกษา ทำให้ในคืนวันที่ 22 มีนาคม 2564 เพนกวิ้นถูกนำตัวส่งมากักขังที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี โดยทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่ต้องย้ายตัวเพนกวิ้นไปกักขังที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีเป็นเพราะว่าเรือนจำนั้นไม่ใช่สถานที่สำหรับรับโทษกักขังแต่เป็นสถานที่รับโทษจำคุกเท่านั้น เมื่อเพนกวิ้นรับโทษกักขังครบตามจำนวนที่ศาลมีคำสั่งแล้ว ก็จะถูกย้ายกลับมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพตามเดิม
เพนกวิ้นและจำเลยคนอื่นๆในคดี #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร มีนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีอีกครั้งวันที่ 29 มีนาคม 2564 โดยจำเลยทุกคนจะต้องเดินทางมาที่ศาลอาญา