วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 04, 2563

ทรั้มพ์หลุด ‘อิมพี้ชเม้นต์’ แน่ แต่จะทำให้เขายิ่งร้ายกว่าเก่า


การไต่สวนคดี อิมพี้ชเม้นต์ประธานาธิบดีสหรัฐสิ้นสุดลงเมื่อวาน รอการลงมติในสภาสูงวันพุธที่จะถึง ซึ่งแน่นอนว่านาย ดอแนลด์ จอห์น ทรั้มพ์ จะได้คะแนนให้พ้นผิดตามเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกัน โดยอาจมี สว.พรรคนี้สองคนโหวตไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกับฝ่ายเดโมแครท ๒ หรือ ๓ ราย โหวตให้แก่ทรั้มพ์

ทั้งนี้หลังจากที่ฝ่ายรีพับลิกันประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นไม่ให้มีการไต่สวนพยานเพิ่ม เนื่องเพราะข่าวรั่วจากหนังสือที่รอการตีพิมพ์ของ จอห์น โบลตัน อดีตทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติระบุว่า เป็นจริงที่ทรั้มพ์กดดันรัฐบาลยูเครน

ด้วยการสั่งยับยั้งเงินช่วยเหลือทางทหารเอาไว้ เพื่อดึงให้เปิดการไต่สวนข้อหาคอรัปชั่นต่อ โจ ไบเด็น อดีตรองประธานาธิบดี ว่าที่คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรั้มพ์ในปลายปีนี้
 
โดยท้ายที่สุดสองในสี่ สว.ฝ่ายรีพับลิกันที่มีทีท่าว่าต้องการฟังการไต่สวนพยานเพิ่มเติม คือ ลามาร์ อเล็กซานเดอร์ (เท็นเนสซี่) และ ลิซ่า เมอร์คาวสกี้ (อล้าสก้า) เปลี่ยนใจ แม้นว่าทั้งคู่คิดว่าทรั้มพ์กระทำการ ไม่เหมาะสมแต่ไม่หนักถึงขั้นต้องเอาออกจากตำแหน่ง

นั่นเป็นข้อสรุปสำคัญจากการไต่สวนเพื่อเอาผิดต่อประธานาธิบดีเป็นคนที่สี่ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน คือจากการไต่สวนที่ผ่านมา หลักฐานและพยานต่างๆ ชี้ชัดว่าทรั้มพ์ประพฤติผิดครรลอง แต่ยังไม่รุนแรงพอที่พรรครีพับลิกันจะต้องยอมเสียหายทางการเมือง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมทนายของประธานาธิบดี (อันรวมถึงทนายชื่อดัง อลัน เดอโชวิทซ์) ก็ได้ต่อสู้ด้วยข้ออ้างว่า ควรที่จะรอไว้ให้ประชาชนตัดสินเองในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในเดือนพฤศจิกายนดีกว่า โดยพยายามที่จะชี้ว่าการไต่สวนครั้งนี้เป็นการ ล่าแม่มด ของฝ่ายตรงข้าม
 
ทางฝ่ายเดโมแครทไม่คิดเช่นนั้น ดังถ้อยแถลงปิดสำนวนของสมาชิกสภาจากแคลิฟอร์เนีย แอดัม ชิฟ ที่ว่าคนอย่างทรั้มพ์นั่นไว้ใจไม่ได้ ว่าจะทำในสิ่งที่ถูกต้องได้แม้แต่ในนาฑีเดียว และ “เขาไม่มีทางเปลี่ยน พวกคุณรู้ดี...คนที่ไม่มีบุคคลิก ไม่มีความมุ่งมั่นในจริยธรรม ไม่มีทางมองหาทางสว่างเจอหรอก”

ฮาคีม เจฟฟรี่ส์ ทนายโจทก์ของฝ่ายสภาผู้แทนฯ เสริมว่าการปล่อยให้ทรั้มพ์ยังครองอำนาจประธานาธิบดี เขาจะบ่อนทำลายสถาบันการเลือกตั้ง “คนที่ขาดจิตมุ่งมั่นและไม่มีการผ่อนปรนอย่างนี้ จะเชื่อได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ทำผิดอีก”

ประธานสภาผู้แทน แนนซี่ เพโลซี กล่าวถึงการไต่สวนครั้งนี้ว่า “เราได้ดึงผ้าคลุมหน้าความประพฤติแบบที่ผู้ก่อตั้งประเทศจะไม่ยอมรับ ให้สาธารณชนได้เห็นด้วยสายตาอันกระจ่าง ดวงตาไม่ขุ่นมัว” เธอพาดพิงหลักฐานต่างๆ ในการ อิมพี้ชครั้งนี้ว่า

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขา (ทรั้มพ์) ได้ถูกแจ้งผิดไปแล้วชั่วกัปกัลป์ ถึงบัดนี้บรรดาวุฒิสมาชิกทั้งหลาย แม้พวกเขาจะไม่มีความกล้าหาญพอกำหนดโทษให้เหมาะสมได้ อย่างน้อยก็ยังได้ยอมรับแล้วว่าทรั้มพ์ได้กระทำความผิดจริง”


หลังจากวันพุธ น่าจะมีพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะพันธุ์ทาง (จากสถานะเพศ เชื้อชาติ และศาสนา) ที่ทรั้มพ์เองก็มักดูถูกดูแคลน ออกมาร้องแรกแหกกระเฌอ ว่าผู้ที่ฉันยอมถวายคะแนนเสียงให้นี้เก่งกาจฉลาดล้ำเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้

อันจะทำให้ทรั้มพ์ยิ่งเหลิงและประพฤติตนเยี่ยงราชาธิบดี (Imperial President) ต่อไปมากยิ่งขึ้น หากว่าเขาจะสามารถเอาชนะเลือกตั้งได้อีกสมัย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายเดโมแครทคาดหมาย ในการดำเนินการอิมพี้ชทรั้มพ์

ยุทธศาสตร์ของเดโมแครทนั้นอยู่ที่เปิดโปงการกระทำของทรั้มพ์ แม้จะยังไม่สามารถเปิดในเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เขาใช้ตำแหน่งเอาเปรียบ หรือการใช้เพทุบายเลี่ยงภาษีต่างๆ เสียจนไม่กล้าเปิดให้มีการตรวจสอบบัญชีการเงิน

ทรั้มพ์เป็นนักการเมืองที่ไม่มีน้ำจิตน้ำใจ (conviction) ต่อการเสียสละเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ เขาเดินเกมการเมืองอย่างนักธุรกิจที่มุ่งแต่กำไรสูงสุด ดังนั้นจึงได้แต่คอยเอาใจฐานเสียงเพื่อรักษาอำนาจไว้ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็อาศัยลำหักลำโค่นของทรั้มพ์เพื่อรักษาฐานอำนาจของพวกตนให้อยู่ยาว

วุฒิสมาชิกรีพับลิกันผู้สนับสนุนทรั้มพ์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูคนหนึ่งจึงเผลอไผล ประกาศว่าถ้าหลังเลือกตั้งปีนี้ โจ ไบเด็น ได้เป็นประธานาธิบดีละก็ พรรครีพับลิกันจะเปิดการ อิมพี้ชประธานาธิบดีโจทันที ประดุจว่า เอาคืนกระนั้น
 
เคราะห์ดีที่ไหวตัวทัน สว.โจนี่ เอิ๊ร์นส์ (รัฐไอโอว่า) รีบแก้ตัวเสียก่อน โดยโทษสื่อว่าพาดหัวหวือหวาเกินจริง (“taken out of context.”) แค่เพียงอยากจะบอกว่าพวกเดโมแครททำให้การ อิมพี้ชเม้นต์ กลายเป็นความเคยชิน คือใครเป็นประธานาธิบดีจะต้องโดนฝ่ายตรงข้ามอิมพี้ชกระนั้น


สว.อเมริกันนี่ก็มั่วซั่วไม่แพ้ สว.ไทย เต้นเองพูดเอง อิเหนาเป็นเองแท้ๆ ก็ยังไม่วายแถไปใส่ไคล้ฝ่ายตรงข้ามได้