วันจันทร์, มีนาคม 04, 2562

แฉวิชามารสปริงนิวส์ ‘ปั่นข้อมูล’ ตี 'ธนาธร' ประเด็นหุ้น 'ปิคนิคแก๊ส'


ไม่ว่าผลลัพท์สุดท้ายจะออกมาอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นที่จารึกไว้อีกยาวนานว่า ฝ่ายที่เป็นทั้งกรรมการและผู้เล่นเอง ทั้งที่มีต้นทุนและตัวช่วย (จัดตั้งไว้) อยู่แล้วพร้อมเพียบ ก็ยังเป็นผู้ที่ใช้วิชามาร ชกใต้เข็มขัด และการโกหกพกลม บ่อนทำลายฝ่ายตรงข้ามมากที่สุดอย่างเหลือเชื่อ

กรณีการเสนอข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นของสำนักข่าว (จริงไม่จริงไม่รู้) สปริงนิวส์เมื่อวันก่อน คอลัมน์ มารยาตลาดหุ้น ใน นสพ.ฐานเศรษฐกิจ (เครือเดียวกันที่เดี๋ยวนี้ควบรวม หรือคบซ้อนค่ายเนชั่นเข้าไปด้วย) พูดถึงหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

“จากประวัติและอดีตเก่าๆ...ทำนักลงทุนหลายพันต้องสะอื้น” เนื้อข่าวตีไข่ใส่ว่า “การเข้าถือครอง บมจ. ปิคนิคคอร์เปอเรชั่น” (ปิคนิคแก๊ส) กว่า ๘% ในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗” ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าต้อง “ชี้แจงข้อมูลกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต)”

เหตุเพราะ “เนื่องจากกลุ่ม นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน ปัจจุบัน เป็นนักโทษหลบหนีคดี จากข้อหายักยอกทรัพย์ จนธุรกิจบริษัทมหาชนล้มละลาย ก็มีการสืบค้น ให้เข้าใจได้ว่า มีการเปิดทางให้กลุ่มทุนใหม่และทุนมหาศาลเข้ามาถือหุ้น เพื่อสืบทอดอำนาจ”
 
ซึ่งกลุ่มที่ถูกสื่อแหล่งนี้อ้างถึงประกอบด้วยธนาธร ร่วมกับนักลงทุนหลักทรัพย์อื่นๆ ได้แก่ “นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา แห่งคิงพาวเวอร์ นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กลุ่มสามารถคอร์ปอเรชั่น นายไพศาล พาณิชย์ชะวงศ์ และนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ กลุ่มธุรกิจซีพี”

ลงท้ายบทความฟันกะให้ขาดเจาะจงเฉพาะธนาธรว่า “มีการเล่นแร่แปรธาตุ ขายหุ้นสามารถทำเงินเข้ากระเป๋า ขณะเดียวกันเป็นหุ้นที่สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนหลายพันคน”


ข้อหาอย่างนี้นับว่าแรงมากทีเดียวสำหรับชุมชนเล่นหุ้น แต่ดูเหมือนธนาธรทำเฉยไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นมาตามความต้องการกวนน้ำให้ขุ่นของของสื่อค่ายสนับสนุน คสช.

ทว่ามีเซียนหุ้นบางรายอดรนทนไม่ได้กับการ ปั่นข้อมูลเท็จเพื่อทำร้าย มุ่งหมายทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง จึงได้เอาความจริงออกมาแฉ
 
“เดี๋ยวๆ ที่เกิดปัญหานี่มัน PICNIC ยุคเสี่ยซันนี่ สุริยาดูแลบริหารนะ ธนาธรนี่คงมาทีหลังมั้ง” Natthawut Roongwong @NatthawutR ทวี้ตข้อความแสดงปฏิกิริยาต่อเนื้อข่าวไม่ชอบมาพากลทันที (https://twitter.com/NatthawutR) ซีอีโอของบรรษัทหลักทรัพย์ ต้นธารคอร์ปผู้นี้เขียนความเห็นลงรายละเอียดในวันต่อมาว่า

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในปัจจุบัน ไม่มีธนาธรและครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจแล้ว” ดัง “TimeLine หุ้น PICNIC กับความ (ไม่) เกี่ยวข้องกับธนาธร”ดังนี้

22 ต.ค. 2544 สุริยา ลาภวิสุทธิสิน เข้าเทกโอเวอร์กิจการบริษัท BGES ที่เป็นหุ้นเน่าในตลาดหลักทรัพย์ฯ

2546 สุริยานำธุรกิจแก๊สเข้ามาสวมธุรกิจเดิม และเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น PICNIC

2546-2549 ราคาหุ้น PICNIC ถูกปั่นขึ้นไปสูงลิ่ว สุริยาขยายอาณาจักรหุ้นไปยังอีกหลายตัวในตลาด ส่วนตัวเขามั่งคั่งมีเครื่องบินส่วนตัว และได้เป็น รมช.พาณิชย์ เมื่อ 3 ส.ค. 2548

14 ม.ค. 2551 PICNIC ขอแขวนป้าย SP หยุดการซื้อขาย หลังจากหุ้นร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งว่าโอนหุ้นให้บริษัทชื่อเวิลด์แก๊ส

13 มี.ค. 2552 กลต. สั่งอายัดทรัพย์ ดำเนินคดีกับสุริยาและพวกฐานทุจริตยักยอกทรัพย์ PICNIC สุริยาได้หลบหนีไปต่างประเทศ แต่น้องชาย น้องสาวของเขาถูกตัดสินจำคุก 12 ปี พี่ชายถูกตัดสินให้ล้มละลาย

2557 กลุ่มทุนกลุ่มใหม่เข้ามาฟื้นฟูกิจการ โดยจับ PICNIC ควบรวมกิจการกับเวิล์ดแก๊ส เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น WP เอ็นเนอร์ยี่ ทำธุรกิจพลังงานครบวงจร

สำหรับกลุ่มใหม่นี้มีที่มีชื่อเสียงคือตระกูลศรีวัฒนประภา (คิงส์พาวเวอร์) วิไลลักษณ์ (สามารถคอร์ปอเรชั่น) เจียรวนนท์ (ซีพี) และคงจะมีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือในสัดส่วน 8% ในวันที่ 7 พ.ค. 2557 ตามที่ฐานเศรษฐกิจรายงาน และรายงานด้วยว่าได้ขายออกหมดแล้วในปี 2560

1 ก.พ. 2561 หุ้น WP กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง

2 มีนาคม 2562 Spring News รายงานข่าวโดยอ้างจากฐานเศรษฐกิจว่า “ย้อนไปดู ไพร่หมื่นล้าน บริหารหุ้นปิคนิค ทำนักลงทุนหลายพันต้องสะอื้น”

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ แจงข้อเท็จจริงพร้อมภาพกร๊าฟฟิคลงลึกไปอีกว่า

๑.ธนาธรแจ้งรายงานต่อ กลต.ได้หุ้น PICNI มา 7.10% ในวันที่ 7 พฤษภาค2557 หรือหลังจากที่ กลต.ดำเนินคดีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิมผ่านไปแล้ว 5 ปี
 
๒.ธนาธรและครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจปรากฎชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ PICNIC ในปลายปี 2557 ถือหุ้นรวม 7.50% โดยกลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามาแทนผู้ถือหุ้นใหญ่ชุดเดิม อันดับ 1 คือศรีวัฒนประภา อื่นๆ มีวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ครอบครัวพุ่มพันธุ์ม่วง เจียรวนนท์ พงษ์พานิช เป็นต้น

โชคดีมีคนรู้เรื่องหุ้นดีไม่แพ้ ฐานเศรษฐกิจทำให้สาธารณะชนไม่ถูกครอบด้วยกะลาแห่งข้อมูลข่าวสารแบบ ‘Newsspeak’ แห่งยุค Big Brother ในนิยายคล้าสสิค ‘1984’