พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ จำใจลี้ภัยออกจากมาตุภูมิมาแล้ว 9 ปี จากการทำคดีเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ที่ฉีกหน้ากากฝ่ายความมั่นคงไทยจนล่อนจ้อนและมีเจ้าหน้าที่รัฐต้องติดคุกตารางไป
ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสสนทนากับพล.ต.ต.ปวีณ ในฤดูใบไม้ร่วง กลางกรุงเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ท่ามกลางลมเย็น 12 องศาฯ ที่กลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ และเปลี่ยนสถานะเป็นเพียงชายใช้แรงงานคุมเครื่องจักรในโรงงานทำกรอบรูป
ทุกวันนี้เขายังคงใส่เสื้อแขนยาวสีดำ คลุมร่างกาย เพราะไม่ชินกับสภาพอากาศออสเตรเลีย มีน้ำตาเป็นเพื่อนเมื่อคิดถึงบ้านเกิด ในใบหน้าเปื้อนยิ้มเต็มไปด้วยความฝันอันเข้มข้น ที่จะได้มีโอกาสบอกกล่าวความจริงถึงความอยุติธรรมที่ผลักให้เขาต้องห่างไกล จากครอบครัวออกไปราว 8,000 กิโลเมตร
หมายเหตุ-ถ่ายทำสัมภาษณ์เมื่อเดือนกันยายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=kYdqkxllHKQ
.....Nattharavut Kunishe Muangsuk
Yesterday·
ประเด็นที่ผมอยากฝากรัฐบาลให้ดำเนินการ
คือเปิดทางให้ พล.ต.ต.ปวีน พงศ์สิรินทร์ ผู้ลี้ภัยจากกรณีสะดุดขาใหญ่ คดีค้ามนุษย์โรฮิงยา ได้กลับประเทศ
เมื่อวานนี้วันพ่อ 5 ธ.ค. ครบ 9 ปีพอดิบพอดี ที่อดีตนายตำรวจระดับรอง ผบช.ภาค 8 ต้องรีบเร่งลี้ภัยเอาชีวิตรอด
ผมอ่านข่าวล่าสุด คุณพ่ออายุ 100 ปีของท่าน ถึงแก่กรรม ในขณะที่ลูกชายวัยเกษียณยังดิ้นรนอยู่อีกฟากมหาสมุทร
ใครจะไปรู้ว่า หัวใจของ พล.ต.ต.ปวีณ จะบอบช้ำแค่ไหน ไม่ได้ส่งพ่อสู่ภพภูมิอันปรารถนาในฐานะลูกชายคนกลาง
.....
พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ได้โดนแจ้งข้อกล่าวหา แต่ลี้ภัยออกจากประเทศไทยด้วยจับสัญญาณได้ถึงการถูกคุกคามเอาชีวิต
ถึงตอนนี้ กลุ่มที่เคยมีอำนาจคุกคาม ต้องวาระเสื่อมทรามทางการเมืองไปจนหมดแล้ว
จึงควรมีกระบวนการให้ พล.ต.ต.ปวีณกลับบ้าน มาอยู่กับครอบครัว
ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงความกังวลต่าง ๆ และ คืนบำเหน็จ บำนาญให้อดีตนายตำรวจที่ปฏิบัติราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต่อแผ่นดินมาโดยตลอด อย่างเหมาะสม - สมควร
หากทำเช่นนี้ได้ เชื่อว่า ส่งผลดีกับรัฐบาล อย่างน้อยก็ในเรื่องความยุติธรรม
และเปิดช่องอนาคต ให้ผู้ลี้ภัยคนอื่น ๆ ได้กลับบ้าน เพราะมีรัฐบาลประกันความปลอดภัย แต่กรณีนั้นซับซ้อนกว่ามาก เพราะมีเรื่อง 112 ค้ำอยู่ แต่ก็ต้องทำ
……….
ยกเว้นว่า ที่ไม่มีความพยายามทำเรื่องนี้ เพราะรู้ดีว่า ประเทศนี้ยังไม่มีความปลอดภัยใด ๆ ให้ผู้ที่เคยงัดกับอำนาจนอกระบบ
ถ้าอย่างนั้น ช่วยส่งสัญญาณให้รับรู้หน่อยก็ดีครับ...