วันพุธ, ธันวาคม 18, 2567

วนอยู่ในกะลาครอบนี่แหละ ไม่ไปไหนมาไหน - มติวุฒิสภาไม่พลิก หนุนใช้ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ผ่านประชามติ


บีบีซีไทย - BBC Thai
16 hours ago
·
มติวุฒิสภา 153 เสียง หนุนใช้ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ผ่านประชามติ
.
ที่ประชุมวุฒิสภามีมติ 153 ต่อ 24 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ให้ใช้เกณฑ์ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” (Double Majority) ในการหาข้อยุติกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมี สว. 13 คนงดออกเสียง
.
เกมประชามติที่ตั้งโดยสภาผู้แทนราษฎร ด้วยการเสนอแก้ไขกฎหมายประชามติฉบับปัจจุบัน กำหนดให้ใช้ “เสียงข้างมากชั้นเดียว” (Simple Majority) ในการผ่านความเห็นชอบในเรื่องที่ขอลงประชามติ เพราะหวังให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทำได้ง่ายขึ้น ถูก “พลิกเกม” โดยสภาสูงซึ่งได้รับการขนานนามว่า “วุฒิสภาสีน้ำเงิน” เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของ สว. กลับมติ สส. และกลับมติตัวเองในวาระแรก โดยให้กลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นในระหว่างพิจารณาวาระ 2-3 เมื่อ ต.ค. จนต้องตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. “สีน้ำเงิน” เป็นประธาน
.
ล่าสุดเมื่อวุฒิสภาลงมติยืนยันแนวทางของตัวเอง ทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องล่าช้าออกไปอย่างมิอาจปฏิเสธ โดยหนึ่งใน กมธ. ร่วมฯ ประเมินว่าการทำประชามติครั้งแรกจะเกิดขึ้นได้ปลายเดือน ธ.ค. 2569 และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเกิดขึ้นไม่ทันอายุของรัฐบาลชุดนี้แน่นอนแล้ว
.
วันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้ จะกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หากสภาล่างไม่เห็นชอบด้วยกับสภาสูง ร่างกฎหมายนี้ก็จะถูกยับยั้งเอาไว้ก่อน 180 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 137 จากนั้นสภาผู้แทนฯ สามารถหยิบร่าง พ.ร.บ.ประชามติฉบับดั้งเดิมของตนที่ให้ใช้ “เสียงข้างมากชั้นเดียว” มายืนยัน โดยให้ถือว่าร่าง พ.ร.บ. นั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วโดยไม่ต้องกลับมาถามวุฒิสภาอีก
.
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การลงมติของวุฒิสภาเป็นไปตามทิศทางของ สว. กลุ่มใหญ่ ที่ถูกเรียกขานว่า “สว. สีน้ำเงิน” เพราะถ้าย้อนดูผลการลงมติในสมัยประชุมแรก (ก.ค.-ต.ค.) จะพบว่าบรรดา สว. นอกกลุ่มใหญ่ “แพ้ทุกโหวต” ไม่ว่าจะชงประเด็นใด โดยค่าเฉลี่ยคะแนนโหวตของฝ่ายเสียงข้างมากอยู่ที่ 154.7 คะแนน
.
บีบีซีไทยเจาะลึกข้อมูลการลงมติของสภาสูงในสมัยประชุมแรก อ่านได้จากบทความนี้
https://bbc.in/3Djhhk9

https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/1056683049825192