วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 20, 2566

การทำลายพรรคก้าวไกลกับการวงจรอุบาทว์ยุคใหม่


Puangthong Pawakapan
15h
·
การทำลายพรรคก้าวไกลกับการวงจรอุบาทว์ยุคใหม่
สี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่กลับสามารถสร้างผลสะเทือนทางการเมืองได้อย่างเกินคาด ก้าวไกลได้ทำให้ประชาชนจำนวนมากตระหนักว่า ประเทศนี้จะพัฒนาไม่ได้หากไม่รื้อถอนอำนาจอันฉ้อฉลของเครือข่ายอำมาตย์ ที่เป็นปรสิตที่เกาะกินอยู่หลังประชาชนอยู่ตลอดเวลา ก้าวไกลทำให้คนมีความหวังกับระบบรัฐสภาและพรรคการเมืองว่าจะทำหน้าที่ต่อสู้กับระบอบปรสิตแทนตน อดทนรอการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ต้องเจ็บปวดอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ระบอบปรสิตก็เรียนรู้เร็วเช่นกัน ฉะนั้น วันนี้เขาจึงต้องเริ่มสกัดกั้นบทบาทของก้าวไกลในทันที จะปล่อยให้แสดงบทบาทฝ่ายค้านอย่างสี่ปีที่ผ่านมา ไม่ได้อีกเด็ดขาด – พิธาไม่ได้เป็นนายกฯและกำลังสูญเสียสถานะ สส. ก้าวไกลถูกขับไปเป็นฝ่ายค้าน และจะถูกยุบพรรคต่อไปอย่างแน่นอน
แม้ก้าวไกลเคยประกาศว่าได้เตรียมตัวที่จะถูกยุบพรรคไว้แล้ว แต่เมื่อถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า สส.ที่มีบทบาทโดดเด่นถูกขจัดครั้งแล้วครั้งเล่า ย่อมเกิดผลกระทบไม่มากก็น้อย ประชาชนก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะสามารถฟื้นคืนความเข้มแข็งของตนได้ดังเช่นที่ทำมาตลอดสี่ปี
ที่ผ่านมาประชาชนมักคิดว่าฝ่ายอำมาตย์กลัวการลุกฮือของประชาชน แต่ตั้งแต่รัฐประหาร 2549 พวกเขามีประสบการณ์กับการปราบปรามขบวนการประชาชนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขบวนการคนเสื้อแดง ขบวนการคนรุ่นใหม่จนพวกเขาอ่อนเปลี้ยลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี จนเราเชื่อว่า ณ วันนี้ พวกเขาไม่กลัวการประท้วงของประชาชนอีกต่อไป จึงพร้อมจะกระทำการเหยียบย่ำสิทธิของประชาชนอย่างไร้ยางอาย และพวกเขาพอใจกับการรักษาอำนาจผ่านการสร้างวงจรอุบาทว์ทางการเมือง
วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยนับจากหลังรัฐประหาร 2549 ไม่ใช่การวนลูปของการเลือกตั้ง-รัฐประหาร-ประชาชนลุกฮือขับไล่รัฐบาลทหาร-เลือกตั้ง-รัฐประหาร-ประชาชนลุกฮือฯ อีกต่อไป แต่คือ
 เกิดพรรคการเมือง/รัฐบาลที่เข้มแข็ง ประชาชนชื่นชอบ (เช่นไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย อนาคตใหม่ ก้าวไกล)
 ฝ่ายอำมาตย์ทำรัฐประหาร-ยุบพรรค-ตัดสิทธิ์นักการเมือง (ผ่านกลไกกองทัพ ศาล องค์กรไม่อิสระทั้งหลาย)
 เลี้ยงพรรคการเมืองเลว และ สว.ไว้เป็นพวก ให้รางวัลตอบแทนอย่างงดงาม
 ประชาชนชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลฝ่ายอำมาตย์ (คนเสื้อแดง ม็อบเยาวชน)
 ประชาชนและแกนนำถูกจับกุม คุมขัง ฟ้องร้อง
คุกคาม ไล่ล่า --> ขบวนการประชาชนอ่อนแอลง
 พรรคการเมืองอ่อนแอลง ประนีประนอม ไม่ท้าทายอำนาจอำมาตย์ รอเลือกตั้ง
 ตั้งรัฐบาลเสียงส่วนใหญ่จากการเลือกตั้ง
 แล้วก็วนลูป รัฐประหาร (ผ่านนิติสงคราม) -ทำลายพรรคการเมือง- ประชาชนชุมนุมประท้วง – คุกคามประชาชน
ด้วยประสบการณ์ดังกล่าว พวกเขาย่อมไม่กลัวคำขู่ที่ว่าหากยุบพรรคก้าวไกล จะทำให้เกิดการลุกฮือของประชาชนขนาดใหญ่ พวกเขาคงเชื่อว่า “เอาอยู่” เหมือนเช่นที่ผ่านมา เพราะพวกเขาไม่เคยต้องจ่ายราคาให้กับการละเมิดประชาชน มีแต่ได้รางวัลตอบแทนชิ้นงามกัน
ตรงกันข้ามกับประชาชน นับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 ที่ผ่านมา ประชาชนถูกฆ่า ถูกจับ ถูกไล่ล่า พิการบาดเจ็บนับเป็นพันคน ราคาที่ประชาชนต้องจ่ายให้กับการปกป้องสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรมของตนนั้น ช่างแพงเสียเหลือเกิน แล้วประชาชนจะทำอะไรได้บ้างจึงจะสามารถออกจากวงจรอุบาทว์นี้ได้เสียที? ทำอย่างไรเราจะออกจากวงจรนี้อย่างไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกต่อไป?
.....