วันจันทร์, สิงหาคม 15, 2565

กองทุนราษฎรประสงค์ ขอแรงราษฎรอีกครั้ง


Saiseema Phutikarn
4h
"...ในรอบนี้คือศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีการเพิ่มสิทธิของศาลในการริบเงินประกันของราษฎร จากเดิมที่เป็นเรื่องของหลักประกันตามสัญญาประกันว่าถ้าหลบหนีจึงจะถูกริบ เพราะถือว่าเป็นการวางหลักประกันบนฐานของการให้สิทธิประกันตัวเพื่อมาต่อสู้คดี แต่กลายเป็นว่าขณะนี้หากประชาชนทำผิดเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆตามแต่ที่ศาลเลือกจะกำหนดขึ้นมา ศาลก็จะสามารถริบเงินประกันได้เช่นกัน แม้ว่าพฤติการณ์ในคดีต่างๆที่ถูกกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าให้เป็นความผิดจนถึงขั้นริบเงินประกันได้เหล่านั้น จะยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดก็ตาม..."
https://www.facebook.com/willofthepeoplefund/posts/443334027725709

กองทุนราษฎรประสงค์
18h

เรื่อง ขอแรงราษฎรอีกครั้ง
เรียน ราษฎรที่เคารพ
เราเสียใจที่จะต้องแจ้งให้ท่านทราบว่า ภายหลังจากการวางประกันล่าสุดเมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 65) ไปทั้งสิ้น 309,000 บาท (ดังรายงานด้านล่าง) ขณะนี้ยอดเงินคงเหลือของกองทุนราษฎรประสงค์ลงลดเหลือ 969,110.79 หรือต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทแล้ว
เงินจำนวนที่เหลืออยู่นี้ถือว่าน่ากังวลแล้วภายใต้สถานการณ์ช่วงนี้ที่การจับกุมรายวันยังคงมีอยู่ และคดีที่เคยมีการจับกุมในชั้นฝากขังก็เริ่มทยอยส่งฟ้อง ส่วนคดีที่ฟ้องแล้วก็เริ่มทยอยตัดสิน ซึ่งมีน้อยคดีมากที่ได้ยกฟ้อง ผลคดีส่วนใหญ่ล้วนแต่น่าผิดหวังและน่าหนักใจ และคงเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ และจะต้องมีการวางประกันชั้นอุทธรณ์เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ลำพังเฉพาะครึ่งเดือนแรกของเดือนสิงหาคมนี้ กองทุนฯ ได้ใช้เงินวางประกันไปแล้วทั้งสิ้น 3,282,000 บาท, ชำระค่าปรับพินัยไปแล้วทั้งสิ้น 273,000 บาท และโอนเงินช่วยเหลือผู้ต้องขังอีก 24,000 บาท ขณะที่เราได้เงินประกันคืนกลับมาจากศาลและสถานีตำรวจเพียง 185,000 บาท
กองทุนฯ กำลังพยายามไล่ติดตามตรวจสอบเงินประกันที่ตกค้างอยู่ตาม สถานีตำรวจ, ศาล และทนายความ แต่เฉพาะหน้านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีเงินรองรับสำหรับคิววางประกันที่รออยู่ ซึ่งรวมถึงคิววันจันทร์ที่ 15 ส.ค. นี้ ที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาคดี 112 ของคุณ “พอร์ท ไฟเย็น” ซึ่งเราคาดการณ์ได้ว่าคงจะต้องเตรียมเงินให้มารดาของคุณพอร์ทวางประกันในชั้นอุทธรณ์เพิ่มอีกจำนวนไม่น้อย จึงจำเป็นที่จะต้องขอแรงราษฎรช่วยกันเติมเงินกลับเข้ามาในบัญชีอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าประชาชนจะยังคงมีหลักทรัพย์ประกันเพื่อต่อสู้คดีต่อไป รวมทั้งให้พร้อมสำหรับวางประกันประชาชนที่ยังคงถูกจองจำอยู่อีกสามสิบกว่าคน หากว่าวันใดศาลจะยอมคืนสิทธิการประกันตัวให้แก่พวกเขา
ท่านสามารถร่วมลงแรงได้ที่ บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาศาลยุติธรรม บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 125-8-64752-8 ชื่อบัญชี กองทุนราษฎรประสงค์โดยมูลนิธิสิทธิอิสรา หรือตามคิวอาร์โค้ดที่นำมาแสดงนี้
#กองทุนราษฎรประสงค์
---------------------------------
เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 65) กองทุนราษฎรประสงค์ได้เบิกเงินทั้งสิ้น 309,000 บาท เพื่อวางประกัน 2 คดี ซึ่งเป็นคดีที่ประชาชนถูกจับกุมตั้งแต่ในวันที่ 11 ส.ค. ทั้งสองคดี แต่ไม่สามารถยื่นประกันได้ในวันที่ 12 ส.ค. แม้ว่าศาลจะประกาศนโยบายให้สามารถยื่นขอประกันได้ไม่เว้นวันหยุดราชการ แต่วันหยุดราชการที่ว่าไม่เว้นนั้น หาได้รวมถึงวันที่เรียกกันว่า “วันแม่แห่งชาติ” หรือวันที่ 12 สิงหาคมไม่ จึงทำให้ประชาชนทั้งสองคนถูกคุมขังข้ามคืนข้ามวันก่อนจะได้ทำเรื่องยื่นประกันในวันที่ 13 ส.ค. 65 ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ยื่นประกัน “จิรศักดิ์” หลังถูกจับกุมในเย็นวันที่ 11 ส.ค. 65 จากการถูกกล่าวหาว่า เข้าร่วมชุมนุม #ม็อบ11มิถุนา65 ที่แยกดินแดง และถูกแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และชุมนุมมั่วสุมมากกว่า 10 คนขึ้นไป เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งห้ามแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 216 จิรศักดิ์ถูกควบคุมตัวไว้ถึง 2 คืน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวจิรศักดิ์มาฝากขังต่อศาลแขวงพระนครเหนือเมื่อวานนี้ ศาลให้ประกันในวงเงิน 9,000 บาท ดังหลักฐานใบเสร็จในภาพที่ 2 กองทุนฯขอขอบคุณนายประกันอาสา ที่กรุณาช่วยไปคอยยื่นประกันไม่เว้นวันหยุดราชการ
2. ที่ศาลจังหวัดเชียงราย เบิกเงิน 300,000 บาท เพื่อวางประกัน “บาส” มงคล ถิระโคตร หลังถูกจับกุมที่บ้านพักเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 65 ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเมื่อ 28 และ 30 ก.ค. 65
บาสถูกจับกุมในบ้านพักที่จังหวัดเชียงรายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่วันที่ 11 ส.ค. 65 และถูกควบคุมไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.จังหวัดเชียงราย ในวันเดียวกัน บิดาของบาสได้ขอยื่นประกันในชั้นสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนปฏิเสธ โดยอ้างว่า คดีนี้มีโทษจำคุกสูงถึง 15 ปี และกลัวผู้ต้องหาจะไปหยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไปกระทำผิดหรือก่ออันตรายประการอื่น แต่พนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถนำตัวบาสไปขอฝากขังต่อศาลภายในวันเดียวกันนั้นได้เช่นกัน เนื่องจากกว่ากระบวนการแจ้งข้อหาจะเสร็จสิ้นก็เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว
ครั้นในวันรุ่งขึ้น (12 ส.ค. 65) ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ ก็ปรากฏว่าเป็นวันหยุดทำการของศาล ทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำเรื่องฝากขังได้ บาสจึงถูกควบคุมตัวที่ สภ. ต่อไป จนวันที่ 13 ส.ค. พนักงานสอบสวนจึงได้นำตัวบาสไปขอฝากขังต่อศาล พร้อมระบุในคำร้องขอฝากขัง ขอให้ศาลถอนประกันบาสในอีก 2 คดีด้วย
เดิมทนายความและบิดาของบาสได้ยื่นหลักทรัพย์ประกัน 150,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ศาลระบุให้วางประกันเพิ่มจากหลักประกันเดิม 1 เท่าตัว หรือ 300,000 บาท เพราะบาสเคยถูกดำเนินคดีในข้อหา 112 มาแล้ว
ต่อมาศาลให้ประกันในวงเงิน 300,000 บาท ดังหลักฐานใบเสร็จในภาพที่ 3 ทั้งยังกำหนดเงื่อนไข “ห้ามผู้ต้องหาทำกิจกรรมหรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีก, ห้ามไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยหากผิดเงื่อนไขดังกล่าว ยินยอมให้ศาลริบเงินประกัน”
อนึ่ง ในระยะหลังนี้ ศาลบางแห่งเช่น ศาลอาญา และในรอบนี้คือศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีการเพิ่มสิทธิของศาลในการริบเงินประกันของราษฎร จากเดิมที่เป็นเรื่องของหลักประกันตามสัญญาประกันว่าถ้าหลบหนีจึงจะถูกริบ เพราะถือว่าเป็นการวางหลักประกันบนฐานของการให้สิทธิประกันตัวเพื่อมาต่อสู้คดี แต่กลายเป็นว่าขณะนี้หากประชาชนทำผิดเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆตามแต่ที่ศาลเลือกจะกำหนดขึ้นมา ศาลก็จะสามารถริบเงินประกันได้เช่นกัน แม้ว่าพฤติการณ์ในคดีต่างๆที่ถูกกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าให้เป็นความผิดจนถึงขั้นริบเงินประกันได้เหล่านั้น จะยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุดก็ตาม
ภายหลังการเบิกจ่ายข้างต้น ยอดเงินคงเหลือในบัญชีคือ 969,110.79 บาท ดังหลักฐานในภาพที่ 1
#กองทุนราษฎรประสงค์
#มูลนิธิสิทธิอิสรา