ว่าที่รักษาการนายกฯ ป้อม !
77 ปี บิ๊กบราเธอร์ 3 ป. ผู้จัดการรัฐบาล 'ประยุทธ์' ตัวจริง!เป็น รมต.ปี51-57 รวยขึ้น 30 ล้าน
.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชื่อเล่น ป้อม รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
.
เกิด 11 ส.ค. 2488 อายุ 77 ปี
.
พี่คนโต มีน้องชาย 4 คน
.
สถานะ : โสด
.
การศึกษา :โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
ตท. รุ่นที่ 6
.
ตำแหน่ง : อดีต ผบ.ทบ. อดีต รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ 3 ป.
.
วลีติดปาก : ไม่รู้
.
ชี้แจงที่ประชุมสภาฯ : "นี่ครับ คนปฏิวัติท่านนายกฯ คนเดียว"
ฉายาสื่อมวลชน : ป้อมทะลุเป้า , พี่ใหญ่สายเอ็นต์ฯ , ป้อมไม่รู้โรย , รองช้ำ
.
แผล : นาฬิกาข้อมือ Richard Mille รุ่น RM 029 ไม่พบแจ้งต่อ ป.ป.ช.
แก้ข้อกล่าวหา : นาฬิกายืมเพื่อน
.
ความรวย
.
22 ธ.ค. 2551 รมว.กลาโหม (รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ทรัพย์สิน 56,856,005.95 บ. ไร้หนี้สิน
.
10 ส.ค. 2554 พ้น รมว.กลาโหม ทรัพย์สิน 69,669,416.60 บ. (เพิ่มขึ้น 12,813,410.65 บ.)
.
9 ส.ค. 2555 พ้น รมว.กลาโหม 1 ปี ทรัพย์สิน 79,063,414.84 บ. (3ปี เพิ่มขึ้น 22,207,408.89 บ.)
.
4 ก.ย. 2557 รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม (รัฐบาล คสช.) ทรัพย์สิน 87,373,757.62 บ. (เพิ่มขึ้น 8,310,342.78 บ.) ไม่มีหนี้สิน
.
รวยเพิ่มขึ้น 30,517,751.67 บ. (ปี 2551-2557)
.
รอเปิดเผยทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี
.
จากการตรวจสอบของ 'วอยซ์' ในอดีตผ่านเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. ที่เคยเผยแพร่รายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินย้อนหลังของ พล.อ.ประวิตร ที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง(รมว.) กลาโหม ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2551 พบว่ามี ทรัพย์สิน 56,856,005.95 บาท และไม่มีหนี้สิน
.
ครั้งที่ 2 การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งพ้นจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม" เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2554 ในช่วงดำรงตำแหน่งอยู่เกือบ 3 ปี ได้แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 69,669,416.60 บาท หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปี ปี 2551 เป็นเงินจำนวน 12,813,410.65 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในสถาบันการเงินกว่า 36 ล้านบาท เงินลงทุนกว่า 11 ล้านบาท รวมทั้งโฉนดที่ดิน 12 ล้านบาท และโรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 10 ล้านบาท
.
ครั้งที่ 3 พล.อ.ประวิตร แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2555 โดยมีทรัพย์สินเป็นเงินทั้งสิ้น 79,063,414.84 บาท หากเทียบในเวลา 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น จำนวน 9,393,998.24 บาท
.
ถ้านำบัญชีทรัพย์สินครั้งที่ 3 กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี 1 มาเทียบเมื่อปี 2551 จะถือว่า พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวน 22,207,408.89 บาท
.
ครั้งที่ 4 พล.อ.ประวิตร ร่วมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเป็นหัวหน้า คสช. โดย พล.อ.ประวิตร เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2557 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 87,373,757.62 บาท ไม่มีหนี้สิน ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากกว่า 53 ล้านบาท เงินลงทุนกว่า 7 ล้านบาท ที่ดิน 17 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10 ล้านบาท ยานพาหนะ 1 แสนบาท
.
รอบนี้พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปี 2555 เป็นเงินทั้งสิ้น 8,310,342.78 บาท แต่ถ้าเทียบทรัพย์สินเมื่อปี 2551 ที่เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกจนถึงปี 2557 พบว่า พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 30,517,751.67 บาท
.
สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งใหม่ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ในมาตรา 105 ในกรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเดิมหรือตำแหน่งใหม่ภายใน 1 เดือน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ต้องห้ามที่ผู้นันจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน ในกรณีนี้ทำให้ พล.อ.ประวิตร ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 เพราะเป็นการรับตำแหน่งใหม่ภายใน 1 เดือน
.
#VoiceOnline
#ประวิตรวงษ์สุวรรณ
Thanapol Eawsakul
April 22
เชิญรับชม พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เปิดเผยขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ผ่านสำนักข่าว al jazeera
นี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโปงระบอบปรสิตที่กัดกินสังคมไทยด้วย
......
สำนักข่าว al jazeera ภาษาอังกฤษได้ทำเรื่องของพลตำรวจตรีปวีณา พงศ์สิรินทร์ นายตำรวจน้ำดีที่ต้องลี้ภัยการเมืองเนื่องจากเปิดเผยขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันทำนักอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย
DOCUMENTARY | Thailand’s Fearless Cop | 101 East
https://m.youtube.com/watch?v=76hxGsXN2EI
สิ่งที่ดูแล้วต้องเกิดความคับแค้นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยก็คือการที่ตำรวจน้ำดี ที่มีฝีมือ ต้องลี้ภัยไปเป็นพนักงานโรงงานทำเบาะรถยนต์ เนื่องจากต้องหนีตายจากการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
ส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของพลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์คือการเปิดเผยให้เห็นระบอบมาเฟียปรสิตในประเทศไทยผ่านขบวนการค้ามนุษย์
คนแรกคือพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดาผู้ที่มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เอาเข้าจริงก่อนรัฐประหาร 2557 จักรทิพย์ก็คือม้านอกสายตา ไม่มีใครคิดว่าจะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่เพื่อจะให้ได้ตำแหน่งจักรทิพย์ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารพอใจ เขารู้ดีว่าขบวนการค้ามนุษย์นั้นมีทหารอยู่เบื้องหลังและการเปิดเผยของพลตำรวจตรีปวีณนั้น จะกระชากหน้ากากของทหารเหล่านั้นออกมา
จักรทิพย์ ชัยจินดา จากการบอกเล่าของปวีณามีทั้งความพยายามทำลายหลักฐานที่ลูกน้องตัวเองไปสืบมาได้เพื่อจะเอาผิดทหาร ขณะเดียวกันเมื่อพลตำรวจตรีปวีณเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวจักรทิพย์ ชัยจินดาเองนั่นแหละที่มาดิสเครดิตคนที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์
คนต่อมาคือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งขณะนั้นดำรงรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสํานักงานตํารวจแห่งชาติและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เอาง่ายๆประวิตรคือคนที่จะกำหนดว่าใครจะได้ขึ้นหรือหลุดจากตำแหน่งในวงการตำรวจ
อย่างที่ทราบว่าพลโทมนัส คงแป้นคือทหารตัวใหญ่สุดที่ถูกจับได้เนื่องจากมีสลิปโอนเงินจากขบวนการค้ามนุษย์ไปให้กับพลโทมนัส คงแป้นด้านหนึ่งที่ทหารกล้าทำอย่างนั้นก็คือมั่นใจอย่างที่สุดว่าภายใต้ระบอบที่ทหารเป็นใหญ่คงไม่มีใครเอาผิดได้
แต่เมื่อพลตำรวจตรีปวีนทำงานอย่างซื่อสัตย์ไปขอหมายศาลจนสามารถจับกุมพลโทมนัส คงแป้นมาได้ สิ่งที่ประวิตร วงษ์สุวรรณทำในตอนนั้นคือพยายามกดดันให้ตำรวจให้ประกันตัวมนัส คงแป้น
พลตำรวจตรีปวีนเล่าให้ฟังว่าวันที่มนัส คงแป้นมามอบตัวที่สถานีตำรวจที่หาดใหญ่นั้นทหารได้เข้ามายึดสถานีตำรวจทำราวกับว่าเป็นค่ายทหาร
และสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือการย้ายปวีณไปในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คือการส่งไปตาย ก็เป็นการโยกย้ายภายใต้คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติที่ประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นประธานนั่นแหละ
คนต่อมาคือพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายาหนึ่งในคณะรัฐประหาร 2557 ที่ตอนนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและปัจจุบันไพบูลย์ คุ้มฉายาคือหนึ่งในองคมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไพบูลย์ได้เรียกพลตำรวจตรีปวีณเข้าไปตำหนิอย่างรุนแรง ทั้งๆที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ต่ำสุดคือการปกป้องทหารด้วยกันเอง แต่เราไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังจะมีอะไรมากกว่านั้นไหม
ดังที่พลตำรวจตรีปวิณเล่าให้ฟังว่ามนัส คงแป้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นและเมื่อประสานกับข้อมูลที่รังสิมันต์ โรมอภิปรายในสภาแล้วก็เชื่อได้ว่าไพบูลย์ คุ้มฉายาที่จะเป็นองคมนตรีในอนาคตนั้นก็น่าจะรู้ว่ามีอะไรที่จำเป็นจะต้องปกปิด
คนสุดท้ายคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกมนตรีตั้งแต่รัฐประหาร 2557 มาจนถึงปัจจุบันประยุทธ์เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยรับผิดชอบอะไรใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่ประยุทธ์ทำอย่างเดียวคือการบริหารอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่คำนึงว่าได้สร้างความเสียหายอะไรไว้บ้าง
ผมคิดว่าข้อแนะนำหนึ่งที่เป็นไปได้คือสารคดีชุดนี้ควรทำคำบรรยายภาษาไทยเพื่อให้เผยแพร่ในวงกว้างมากที่สุด
นี่ไม่ใช่เพียงแค่การกระชากหน้ากากขบวนการค้ามนุษย์เท่านั้น แต่เป็นการกระชากหน้ากากระบอบปรสิตในประเทศไทยด้วย