วันพุธ, สิงหาคม 17, 2565

ความสุขแบบต้องมโนภาพเอา มันสุขจริงเหรอ ?


เรื่องเด็ดประเทศไทย
2d

ผมบังเอิญได้มาพูดคุยกับคุณตาตัวเล็กๆท่านนึงที่ยืนขายข้าวเหนียวหมูทอดอยู่หน้าสะพานรถไฟฟ้า BTS สถานีธนบุรี เราคุยกันประมาณ 15 นาที และเป็น 15 นาทีที่เปลี่ยนความคิดเชิงลบ ของผมไปเลย ผมเดินทำทีไปซื้อข้าวเหนียวหมูร้านแก ก็เห็นว่าแกทำมาเป็นชุดๆวางใส่กล่องไม้ใบเล็กๆมาขาย หน้ากล่องไม้จะแปะกระดาษ A4 มีข้อความว่าหมูทอดชุดละ 30 บาท ก็ลองถามแกเล่นๆว่าวันนึงคุณตาทำมาขายเยอะมั๊ยครับ? แกยิ้มให้และตอบว่า "วันละ 25 ชุด ขายหมดบ้างไม่หมดบ้างแล้วแต่วัน" ผมคำนวณตัวเลขในใจ 30 บาท ขาย 25 ชุด ได้ 750 บาทต่อวัน ก็ถามแกว่ากำไรดีมั๊ยครับ แกก็บอกว่าถ้าขายหมดก็ได้กำไรประมาณ 300 บาท แต่ขายไม่ได้หมดทุกวัน เหลือนิดๆหน่อยๆ และขายเฉพาะวันจันท์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ต้องพัก เพราะแถวนั้นขายคนทำงานออฟฟิตตึกสินสาธร และ ที่จะขึ้น BTS กรุงธนบุรีไปทำงาน

ผมสอบถามดูก็รู้ว่าแกอายุ 81 ปีแล้ว ตอนนั้นผมรู้สึกว่าแกยังดูไม่แก่ขนาดนั้น ดูเหมือนแกสุขภาพดี ใบหน้ายิ้มแย้มตลอด ผมบอกว่าคุณตายังดูไม่แก่ขนาด 80 กว่าปีเลยนะ เลยถามแกว่าดูแลตัวเองยังไงครับ คุณตากำจัดก็บอกว่า "ไม่ได้ทำอะไรหรอก คือถ้าเรามีความสุข เราก็จะสุขภาพดี มันเลยดูไม่ค่อยแก่ เรื่องปวดเมื่อยตามร่างกายมันก็มีเป็นธรรมดา แต่ถ้าใจเราไม่ไปนึกถึงมัน มันก็จะไม่รู้สึกปวด" คำพูดของแกตอนนั้นดังชัดในใจผมมากๆ เพราะตรงกับสิ่งที่ผมกำลังต้องการเลย ผมต้องการกำลังใจ ต้องการแนวคิดที่จะช่วยสร้างแรงกายแรงใจให้ตัวเอง

ผมเลยหาเรื่องคุยกับแกไปเรื่อยๆ แกก็เล่าประสบการณ์ชีวิตต่างๆให้ฟัง สรุปความได้ว่า ทุกวันนี้แกเช่าบ้านคนแถวนี้อยู่ เดือนละ 3,000 บาท ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น คือมียังไงก็อยู่อย่างงั้น ทั้งที่เมื่อก่อนแกเคยมีครอบครัว มีรถมีบ้าน มีหน้าที่การงานมั่นคง แต่ด้วยความที่ภรรยาติดการพนันและถูกเจ้าหนี้ยึดทรัพย์สินต่างๆไปจนหมด หลังจากนั้นก็ทะเลาะและเลิกรากันไปนานแล้ว แกรู้สึกเข็ดกับการมีชีวิตคู่ ก็เลยตัดสินใจใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอด แกบอกว่าทุกวันนี้แกทำงานด้านการกุศลเป็นผู้ตรวจการลูกเสือชาวบ้าน และมีรายได้หลักจากการขายข้าวเหนียวหมู มีคนใจดีให้ทุนแกเริ่มต้นทำ แต่กำไรก็ไม่เยอะ แกทำเท่าที่พอทำไหว เพราะด้วยอายุอานามขนาดนี้ แกขอพอมีพอกินอยู่รอดก็พอใจแล้ว

แกบอกว่าเดือนนึงก็ขายได้กำไรประมาณ 5,000 บาท ผมถามว่าค่าเช่าบ้านก็ 3,000 แล้ว ตาจะกินพอได้ยังไง แกก็บอกว่าแกกินวันละมื้อเดียว และกินน้ำแทน "ผมทำแบบนี้เป็นปกติเพราะผมเคยบวชพระมาหลายพรรษา ผมกินอยู่แบบพระ กินวันละมื้อก็อยู่ได้แล้ว คนเราถ้ามีความสุขความพอใจในสิ่งที่มีมันก็อยู่ได้ ไม่เครียด สุขภาพก็ไม่ได้แย่ เพราะใจมันไม่ทุกข์"

"ถามว่ามีเท่านี้แล้วใช้พอไหม ตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่มันอยู่ที่ใจ ถ้าเราพอใจ อยู่ตรงไหนเราก็มีความสุขได้เหมือนกัน สำหรับผม ผมพอแล้ว”

วันนั้นผมอิ่มมากๆ ครับ ข้าวเหนียวหมูนั้นอีกเรื่อง แต่ที่อิ่มมากๆคืออิ่มสุข อิ่มกำลังใจมากๆ จากที่ผมต้องการหาแนวร่วมของคนมีทุกข์ แต่ผมกลับได้แนวทางจากคุณตาแก่ๆ ที่ผ่านความลำบากมามากกว่าผม ถ้าพูดกันตามตรงชีวิตแกแย่กว่าผมอีก แกล้มเหลวกับชีวิตครอบครัว และทุกวันนี้ก็มีรายได้น้อยมาก มันแย่ตรงที่รายได้น้อยแถมยังต้องตื่นตีสี่มาทำของขายตอน 7 โมงเช้าทั้งๆ ที่วัยอย่างคุณตาควรจะอยู่บ้านพักผ่อนสบายๆได้แล้ว แต่กลับกัน แกดูมีความสุขกว่าผมตั้งเยอะ

จากที่ถามตัวเองมาตลอดว่าทำยังไงถึงจะหารายได้มากๆ ให้พอกับความต้องการของตัวเองและครอบครัว ตอนนี้ผมถามตัวเองใหม่แล้ว ว่าทำยังไงถึงจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ ผมคำนวณดูแล้วว่าถ้าผมกินอยู่ง่ายๆ รายได้ตอนนี้มันก็พอกับรายจ่าย แต่เพราะที่ผ่านมาผมคิดแต่ว่าอยากใช้ชีวิตแบบที่เคยใช้ กินอะไรก็กิน ซื้ออะไรก็ซื้อ และผมโชคดีที่มีคนรักอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งกันไปไหน วันนั้นผมไม่รู้จะขอบคุณคุณตายังไง ทำได้คือซื้อข้าวเหนียวหมูคุณตามา 10 กว่าถุง

คุณตากำจัดแกจะยืนขายข้าวเหนียวหมูอยู่ใกล้ๆกับคอนโด Q House ใกล้ทางลงรถไฟฟ้า BTS ธนบุรี แกขายตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 10 โมงครับ

Cr. เจ้าของเรื่องราว

Jittra Cotchadet
1d

มีรัฐสวัสดิการช่วยได้เยอะค่ะ จะมาสุขใจอะไรกับการกินน้ำเปล่าแทนข้าว ชีวิตสุขไม่จริงหรอกแบบนี้ โกหกทั้งนั้น!! หาทางปลอบประโลมใจตัวเองให้รู้สึกสุขไปวันๆ