วันอาทิตย์, ธันวาคม 05, 2564

เคส แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวพูดกับประยุทธ์ แล้วถูกตำรวจเรียกให้มาทำประวัติ ตำรวจกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย


ภาพจาก Work point today

Atukkit Sawangsuk
8h ·

ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบครับ
ตำรวจที่ไปรังควานตามบ้านคนไปม็อบก็เหมือนกัน
เอาใจนายทั้งที่ไม่มีอำนาจ

Thanakrit Vorathanatchakul
11h ·

ตามที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ได้แจ้งให้นางสาวหญิง (นามสมมติ) แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว อยู่ที่อำเภอบ้านดง จังหวัดอุดรธานี มาทำประวัติที่ สภ.บ้านดง จากการที่ น.ส.หญิงไปพูดต่อหน้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า “อยากให้มาพัฒนาเยอะ ๆ แต่หากพัฒนาไม่ได้ ขอให้นายกฯ เกษียณไปเร็ว ๆ นะคะ ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน” ซึ่งต่อมาโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ปฏิเสธว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นข้อกฎหมายที่ควรพิจารณา ในเรื่องอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเรียก น.ส.หญิงมาทำประวัติในกรณีนี้ว่า หากจะมีการเรียกน.ส.หญิงมาทำประวัติจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งผมขอให้ความเห็นทางวิชาการทางกฎหมายในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นความรู้ด้านกฎหมายแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิของตนเองและสำหรับท่านที่สนใจศึกษาไว้เป็นความรู้ ในฐานะที่ผมเป็นกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย คณะ 3 ซึ่งพิจารณาอุทธรณ์เรื่องทะเบียนประวัติอาชญากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่เป็นประจำมาโดยตลอด และเป็นอาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชาสิทธิมนุษยชนและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ชั้นปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย
ตามหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม รวมทั้งหลักกฎหมายมหาชน เจ้าหน้าที่รัฐจะกระทำการสิ่งใดได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้ ถ้าไม่มีกฎหมายให้อำนาจในเรื่องใดไว้ เจ้าหน้าที่รัฐจะกระทำการในเรื่องนั้นไม่ได้ เพราะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะไปกระทบกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้
ในเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกบุคคลใดไปทำประวัติ ซึ่งก็คือการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อทำประวัติและตรวจสอบประวัตินั้น ถ้าพิจารณาดูจากระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ. 2554 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 11 จะพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีอำนาจจัดให้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือได้เฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ผู้ต้องหาคดีอาญาทุกประเภท เว้นแต่ผู้ต้องหาในคดีบางประเภทตามที่ระเบียบนี้กำหนดไว้
(2) ศพซึ่งตายผิดธรรมชาติ หรือตายในระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงาน
(3) การขออนุญาตทำการอย่างใด หากมีกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการกำหนดคุณสมบัติให้ตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ขออนุญาต เพื่อจะได้ทราบประวัติต้องหาคดีอาญาสำหรับประกอบการพิจารณา
(4) การพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้สมัครเข้ารับราชการหรือเข้าทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ
คำพูดของ น.ส.หญิงที่กล่าวมาข้างต้น หากพิจารณาดูแล้ว ยังไม่น่าจะถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญา จึงยังไม่ถือว่า น.ส.หญิงเป็นผู้ต้องหาในการกระทำความผิดอาญาในเรื่องนี้
ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุงจะเรียก น.ส.หญิงไปทำประวัติด้วยการพิมพ์ลายนิ้วมือ หรือด้วยวิธีการอื่นใด หรือเรียกเพื่อไปดำเนินการในเรื่องใดที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของ น.ส.หญิง โดยที่ น.ส.หญิงยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในการกระทำความผิดอาญา และโดยที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่สามารถกระทำได้
และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง จะมีคำสั่งเรียกให้ น.ส.หญิงไปทำประวัติไม่ว่าจะด้วยการพิมพ์ลายนิ้วมือหรือด้วยวิธีการอื่นใด ทั้งที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ คำสั่งนั้นย่อมเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจรองรับการออกคำสั่งไว้ น.ส.หญิงจึงไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น