วันจันทร์, พฤศจิกายน 08, 2564

‘วิชามาร’ การเมืองเขี้ยวลากดิน โหมเด็ดหัวสองฝ่ายค้าน ด้วย ม.๑๑๒

เห็นบ๊องๆ อย่างนั้น วิชามาร การเมืองเขี้ยวลากดินเชียวละ พอพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับพระราชฐานถาวร เจอมนีทางนี้โหมหนักกระบวนการกำจัดคู่ต่อสู้เลือกตั้ง มุ่งเด็ดหัวๆ ของทั้งก้าวไกลและเพื่อไทย จะได้ ยุบพรรค โดยสะดวก

ล่าสุด แรมโบ้(มีคนตั้งชื่อให้ใหม่ว่า เสดสถุล) อัตถาวงศ์ เล่นบทไล่งับสองแกนนำคณะก้าวหน้าบ้าง จะชวนคนไทยทั้งประเทศออกมาลงชื่อขับไล่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล “ให้พ้นประเทศไทย” ก่อนหน้านี้จ้องกัดนายเก่า ชินวัตร

ทั้งนี้เนื่องจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมสนับสนุนข้อเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ โดยคณะราษฎรประสงค์ ซึ่ง ‘I-Bo’ กล่าวหาว่าแกนนำคณะก้าวหน้าทั้งสองอยู่เบื้องหลัง โดยคณะก้าวหน้าจัดทำแอ็พลิเกชั่นการลงชื่อออนไลน์

พรรคก้าวไกลก็โดนเหมือนกัน สารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีอันดับ ๕ ของไทย แห่งบริษัทกั๊ลฟ์เอ็นเนอจี ฟ้อง ๓ คดีรวดต่อพรรคก้าวไกล และ ส.ส.รังสิมันต์ โรม ในคดีอาญาข้อหานำข้อความอภิปรายในสภามาเผยแพร่ กับคดีแพ่งต่อรังสิมันต์ เรียกค่าเสียหาย ๑๐๐ ล้าน

รังสิมันต์อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภาว่ามี “การสยายปีกของบริษัทบางบริษัท จากธุรกิจพลังงานมาที่โทรคมนาคม และกำลังจะผูกขาดดาวเทียมเป็นของตน...มันเป็นแค่เพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่เรามองเห็น...มันน้อยมากเมื่อเทียบกับ

ความจริงที่ว่าบรรดาขุนศึกต่างๆ กำลังเหยียบหัวประชาชนในนามของความมั่นคง...บดขยี้เสรีภาพ ทำลายความหวังของประชาชน...มันน้อยมากเมื่อเทียบกับศักดินา ที่เป็นหัวใจของปัญหาการเมืองไทย พวกเขาแอบอยู่ด้านหลังของขุนศึก”

ทางด้านพรรคเพื่อไทยเจอ นักร้อง สองประสาน ทั้ง ศรีสุวรรณ จรรยา และ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ศรี นั้นหาเรื่องว่า ทักษิณ ชินวัตร วิดีโอคอลไปในงานเลี้ยงของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการพูดประเด็นการเมืองว่าเลือกตั้งครั้งใหม่เพื่อไทยจะชนะ แลนด์สไล้ด์

ส่วนเรืองไกรนั่นยื่นฟ้องต่อ กกต.ให้สอบกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการพรรค ขัดต่อบทบัญญัติ พรบ.พรรคการเมือง ม.๒๘ และ ๒๙ ที่ห้ามคนนอกเข้าไปแทรกแซงพรรคการเมือง แล้วยัง หมอเลี้ยบเคยถูกพิพากษาความผิด ม.๑๕๗ ด้วย

อันกระแสเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายหมิ่นกษัตริย์นั่น ขณะนี้กลับมาจุดติดอีกครั้งหลังจากที่มีการนำรายชื่อผู้สนับสนุน ๒๖,๙๖๘ คน ยื่นต่อสภาผู้แทนฯ ในกลางปี ๒๕๕๕ แต่ถูก สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาในขณะนั้น ตีตก ว่าไม่เกี่ยวกับเสรีภาพประชาชน

แต่คราวนี้การลงชื่อออนไลน์ หมดเวลา ๑๑๒ ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย ผ่านเพจ no112.org ได้เกือบสองแสนรายชื่อแล้ว ทั้งที่มีความพยายามหักล้าง โดยนำเด็กและสตรีสูงวัยไม่ถึง ๒๐ คนไปช่วยกันถือป้าย “สนับสนุน ม.๑๑๒...ไม่แก้ไข ไม่ยกเลิก”

ปรากฏตามที่ Somyot Pruksakasemsuk สังเกตุเห็น “ว่าจำนวนผู้คนมาเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มไทยรักษา...แทบจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำได้ว่า ไม่มี...นั่นหมายความว่า ความคิดของการเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไปนั้นเสื่อมถอยลงไปมาก”

เช่นกันกับความคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ ปลอดจากอิทธิพลโน้มนำของผู้มีบุญญาบารมี ในหลายส่วนของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เป๋ไปทำให้ปิยบุตรพูดถึงลักษณะพรรคการเมือง “ต้องเป็น avant-garde” ที่ว่า “คือการชี้นำสังคม

ผลักวาระนำหน้าเพื่อให้สังคมตาม เลือกตั้งครั้งหน้าถ้าไม่มีพรรคแบบนี้ผมคงกาไม่เลือกใคร” ก็ให้ไม่บังเอิญไปสะกิดต่อมเขื่องของติ่งเพื่อไทยบางคนเข้า ถึงกับแซะว่า “อ.ป๊อก เริ่มจุดกระแสไม่เอาเลือกตั้งหรือ แกนนำ กปปส.เฟส ๒ หรือ”

ไฉนเอา หน้ามือ ไปเปรียบกับ หลังเท้า อย่างนั้น นักวิชาการที่เห็นชอบกับการยกเลิก ม.๑๑๒ นี่นะเป็น กปปส.เฟส ๒ มันไม่ย้อนแย้งไปหน่อย เหมือนกับนักอุดมการณ์ Republics ที่อวยหัวโจกพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งเรียกร้องให้ “รัก” และ

“ถวายความจงรักภักดีที่ถูกต้อง ถูกทาง ไม่ให้เจ้านายต้องถูกครหา” ละหรือ

(https://www.facebook.com/somyot.pruksakasemsuk/posts/963419787860726, https://www.thairath.co.th/news/politic/2237592, และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10162305638679848)