ฟังคุณ น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ พยายามแก้ต่างเรื่อง สำนักเลขาฯ ซื้อไอโฟนแจกกันเองแล้วเห็นใจไม่ลงอะ เอาเรื่องที่ ‘ตู่’ ขอไม่รับมาเป็นตัวตั้ง ก็ยังฟังไม่ขึ้นนะ ไล่กันไปเป็นข้อๆ ได้หลายทีเดียว เริ่มที่ต้องจ้างคนไปซื้อด้วยเหรอ
กระทรวงดิจิทัลมีไว้ทำโมกขศักดิ์ไร เอาไว้จับผิดพวกนักปฏิรูปเท่านั้นเหรอ หรือว่าให้คอยปกป้องผู้มีพระคุณต่อรัฐบาลกันล่ะ อย่างกรณีควบรวมสองในสามค่ายมือถือที่กำลังฮือกันลั่นขณะนี้ รัฐมนตรีดีอีเอสรีบป้องปกเจ้าสัวทันที
“มันจะผูกขาดยังไง เพราะธุรกิจมือถือก็มีการแข่งขันกันอยู่แล้ว และมีการกำกับดูแลโดย กสทช. อยู่แล้ว” ชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ บอกเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกระทรวงตน แต่เถียงแทนเจ้าของค่ายฯ คอเป็นเอ็น “ธุรกิจพวกนี้จะมีหลายเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่ามันต้องลงทุนสูง
...บางประเทศอาจจะมีเจ้าเดียวก็ได้...ถ้ามีหลายเจ้าแล้วต่างคนต่างลงทุนอาจเป็นความสิ้นเปลืองก็ได้” ตรรกะอะไรฮวะ พ่อค้าแข่งกันลงทุนแล้วสิ้นเปลือง ก็ทุนของเขา ทั่น รมว.เดือดร้อนเรอะ ไม่มีที่ไหนหรอกผู้ค้าแย่งกันขายแล้วราคาจะแพง
สูตรเศรษฐศาสตร์ไม่ว่าสำนักไหน (แม้แต่ จปร.หรือ วปอ.) ย่อมเห็นพ้องว่า ถ้าการจำหน่ายต้องแข่งขันสูง ราคาจะลดและคุณภาพจะเพิ่ม ใช่สิ มันอยู่ที่รัฐบาลในการกำกับดูแลด้วย แล้วรัฐบาลได้ทำอะไรบ้างไหมล่ะ ย้อนกลับไปเรื่องไอโฟนต่อ
น.ส.นัทรียาว่า “ปัจจุบันโทรศัพท์ไอโฟน ๗ ที่ใช้อยู่นั้นมีอายุเกิน ๔ ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่ใช้คือเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน เพื่อประสานงาน ส่งข่าว ให้กับสื่อมวลชน” นัยว่าจำนวน ๘๘ เครื่องจาก ๑๑๑ ที่ซื้อ ให้ระดับปฏิบัติการใช้งานกัน
แหม ไอโฟน ๗ ก็ไม่ได้เก่าเท่าไรนักหรอก นี่เราใช้ไอโฟน ๖+ เก่ากว่าด้วย ยังได้ประสิทธิภาพ จิกกัดรัฐบาลอยู่ทุกวี่วัน ฉะนั้นอย่าอ้างงี่เง่า ถ้ารออีกสักปีค่อยเปลี่ยน ตอนนั้นได้เป็นรัฐบาลใหม่จะยิ่งดูดีไปใหญ่ ไม่ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนเดี่ยวนี้ หรือกลัวจะไม่ได้กลับมา
อีกเรื่องอ้างว่าที่ซื้อราคา ๒ ล้าน ๖ แสน ๘ หมื่นนี่ถูกกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ ๒,๙๖๔,๑๙๙.๖๐ บาท ต่างกันสองแสนกว่า ซื้อล็อตใหญ่อย่างนี้ไม่เรียกว่าถูกหรอกนะ แล้วยังมีหน้าบอกอีกว่าเนี่ย ถามผู้จะใช้แล้วว่าอยากได้ยี่ห้อไร ใครมันจะบอกเอา ‘หัวเหว่ย’
ต้องขออภัย ณ ที่นี้ ต่อชาว สลน. ที่เราใช้ถ้อยคำจาบจ้วงไปนิด (เอาอย่าง ‘ลูกนัท’) ก็การกระทำมันน่าให้ต้องเหลืออด เหมือนกับ รมว.สา’สุขอีกคน “สั่งเร่งปิดจ๊อบ คนยังไม่ฉีดเข็ม ๑ เพราะรอวัคซีนที่จองไว้กับโรงพยาบาลเอกชน แนะให้ทิ้งไปก่อน”
อนุทิน ชาญวีรกูล เร่งให้คนไปฉีดวัคซีนของรัฐบาล ต้องการให้ได้เต็มร้อยเสริมการเปิดประเทศ เห็นว่ายังเหลืออีกแค่ ๑๑ หรือ ๘ ล้านเท่านั้นที่ยังไม่ได้ฉีดสักเข็ม วันก่อนเห็นประกาศ จะให้ฉีดซิดนแว็คควบแอสตร้าเซเนก้า (อีกซักที) ใครมันจะเอา
“พูดออกมาได้” Lin Okabe @Byakuren29 เม้นต์ “รพ. เอกชนจะยอมหรือ ให้ทิ้ง เงินไม่ใช่น้อยๆ คนหนึ่งก็ ๓,๔๐๐ เข้าไปแล้ว การขอรับ PZ ของ รบ.ก็คงยุ่งยากวุ่นวาย เข้าถึงยากอีกแหล่ะ ทำไมต้องให้ ปชช ขอ ทำไมไม่สั่งมาเสียตั้งแต่แรก ก็จะไม่มีการแห่ไปจอง”
แล้วนี่ รองโฆษกรัฐบาลเพิ่งเผยว่า ครม.เห็นชอบหลักการ แผนขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงระยะที่ ๔ ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ “โดยใช้งบประมาณของมูลนิธิปิดทองหลังพระ ๕๙๐ ล้านบาท และขอจากกระทรวงทรัพย์ฯ ๒๐๐ ล้าน และ ก.เกษตร ๖๖ ล้าน”
รวม ๘๕๖ ล้านนี่ #ไม่พอเพียง แล้วมั้ง ยิ่งถ้าไปดูยุทธวิธีใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ จะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า “ผุดโครงการบัตรเครดิตเกษตรประชารัฐถูกใจวงเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทต่อครอบครัว-โครงการประชารัฐตำบลละ ๒๐ ล้าน”
มีแต่คนบอก โฮ้ย อย่างนี้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค ‘ประชานิยม’ แล้วละ จะได้ไปสู้กับพรรคไทยสร้างสรรค์เขาไง
(https://www.posttoday.com/politic/news/668948Xf8, https://www.matichon.co.th/politics/news_3055807, https://www.facebook.com/Coco.Infographics/posts/1743441722517397 และ https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3083616058526080?__cft)