อ่า ที่ ‘วาสนา’ บอก “ดอนสอนมวย” สมาชิกสภาฝ่ายค้านเรื่องไปพม่าโดยไม่โพนทะนานั้นน่ะ เป็นคำผวนซ่อนความหมายถึง ‘ส่วยส่งหม่อง’ ไปมอบบรรณาการ ๑๗ อย่างละมัง มิใยวิปฝ่ายค้านตอกว่า “เป็นเหตุการณ์เชื่อมโยง ส่งผล”
ทำให้ไทยไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม ‘สุดยอดเพื่อประชาธิปไตย’ ออนไลน์ ที่สหรัฐเป็นผู้จัดคุยระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป้าหมาย “หยุดยั้งการเสื่อมถอยทางประชาธิปไตยและการพังทลายของสิทธิและเสรีภาพทั่วโลก” ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ ธันวา
เนื่องจากขณะนี้ไทยกำลังถูกเพ่งเล็งจากประชาคมโลกว่าทำตัวเป็นฝักฝ่ายกับเผด็จการทหารพม่า ที่ให้การสนับสนุน มิน อ่อง หล่าย อย่างออกนอกหน้า แม้จะโดนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติแถลงเตือนกรณีละเมิดพันธกรณีสิทธิมนุษยชน
นางกิลเลียน ทริกส์ ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่ ‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’ ระบุถึงการที่รัฐบาลไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชากลับไปให้รัฐบาลฮุนเซนจับยัดคุก “๓ คนคือนายเวือน เวียสนา, นายเวือง สมนาง ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยภายใต้ความคุ้มครองของยูเอ็น”
กับอีกคนคือ นายฐาวรี ลันห์ อดีตหัวหน้าคอมมูนในกัมพูชา ทั้งนี้หลังจากที่มีการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวเขมร ๒ คนกลับไปกัมพูชา เกิดขึ้นเพียง ๑๐ วันก่อนหน้า ทั้งๆ ที่ทางยูเอ็นเอชอาร์ซีได้แจ้งรัฐบาลไทยขอความร่วมมือไว้ก่อนแล้วว่าอย่าส่ง
เพราะทั้งคู่อยู่ในความคุ้มครองขององค์การโลก แต่ทางการไทยก็ไม่ใยดีต่อคำขอร้องนั้น มานี่กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจของพม่า ซึ่งชาติประชาธิปไตยทั่วโลกรวมทั้งสมาชิกอาเซียนต่างพยายามที่จะโดดเดี่ยว ไทยก็ยังไม่แยแส
ดอน ปรมัตถ์วินัย ตอบกระทู้ฝ่ายค้านว่าการไปพม่าของตนไม่ใช่ ‘หิวแสง’ และไม่ได้ทำลับๆ ล่อๆ แต่ตนรับอาสาจากรัฐบาลไทย เพราะตนเป็นผู้ชำนาญเรื่องพม่ามา ๔๐ ปี “นำสิ่งของ เวชภัณฑ์ที่ได้รับบริจาคจากภาคเอกชนรวม ๑๗ องค์กรไปช่วยเหลือ”
หลายต่อหลายคนก็งงว่านโยบายดีๆ อย่างนี้ ถ้าทำในเวลาที่ประเทศชาติอูฟูเหมือนตอนก่อนรัฐประหารก็จะเลิศเลอแหละ แต่ขณะที่ประชากรไทยกำลังอมทุกข์ ข้าวถูก (ขายขาดทุน) ผักแพง (ทหารปลูกไม่ทัน) กันอย่างนี้ แถมวัคซีนดีๆ ก็โดนกีดกัน
มันก็เลยกลายเป็นนโยบายหิวแสงนั่นละ มีลักษณะเตี้ยอุ้มค่อม ต้องกู้เขามาแล้วเอาไปบริจาค รอกุศลชาติหน้าและอาจต้องสะสม ๑๐ ชาติเหมือนเวสสันดร แต่ชาตินี้ประชากรอดอยากปากแห้ง มีแต่ดอนกับตู่เท่านั้นมั้งที่หน้าบาน
แล้วยังอวดดีเหมือนกันเลยทั้งสองคน รู้มากแต่ไม่ถูกเรื่อง เช่นที่ดอนตอบกรณี ‘ไม่ได้รับเชิญ’ ว่า “การประชุมดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ...เล่นงานกันและกัน...เพราะฉะนั้นมันไม่แปลกของการไม่ได้รับเชิญ บางเรื่องเราดีใจด้วยซ้ำไม่ต้องเชิญเรา”
ใช่สิ ขืนไปคุยกับเขา ประเภทฝักใฝ่เผด็จการอย่างนี้ โดนตอกหน้าหงาย มิใย ปณิธาน วัฒนายากร “นักวิชาการสายความมั่นคง” คณะรัฐประหาร พยายามจะบอกว่าสหรัฐจัดประชุมเพราะตัวเองประชาธิปไตยถดถอย ก็จริงในส่วนย่อย
เพราะระบอบ ‘Trumpism’ ทำให้พวกที่ชอบ ‘เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย’ (Autocracy) เสียงดังขึ้นมา แต่ก็สุดโต่งอยู่สมัยเดียว แม้จะอยากกลับมาใหม่อีกสมัยหน้า จึงยังพยายามป่วนกันอยู่ไม่หย่อนในสมัยนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าประชาธิปไตยเสื่อมถอย
ปณิธานบอกว่า “ประชาธิปไตยไม่ใช่สาธารณรัฐ ไม่ใช่ประธานาธิบดีเป็นประมุข หรือเลือกตั้งทุกอย่าง” ก็ถูกอีก แต่ประชาธิปไตยย่อมไม่ต้องมี autocrat เป็นผู้นำและ/หรือประมุขอย่างแน่นอน แล้วแม้ไม่ต้องเลือกตั้งทุกอย่างไป
ย่อมไม่ใช่ ‘เลือกกันเอง’ ในหมู่ผู้แข่งขัน หรือแต่งตั้งคนกลุ่มหนึ่งมาเป็นสภาทำหน้าที่เลือกให้ นั้นมันไม่ใช่ประชิปไตยตั้งแต่ต้นน้ำ ถ้าได้ประชาธิปไตยมาโดยการพระราชทาน ต้องเรียกว่าประชาธิปไตยของชนชั้นผู้ปกครอง
ในความรู้สึกและอารมณ์เดียวกับ ‘ประชาธิปไตยของชนชั้นกรรมาชีพ’ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่คนเห็นต่างขั้วอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ เฉกเช่นประชาธิปไตยแบบอเมริกัน เยอรมนี และแคนาดา ฯลฯ
(https://www.komchadluek.net/scoop/494186?twitter=, https://www.matichon.co.th/foreign/news_3057956 และ https://www.facebook.com/matichonweekly/videos/630424038147572/)