๑๑๒ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่อง ‘คชสารในห้อง’ มากไปกว่า ‘กระป๋องเต็มไปด้วยหนอน’ แล้วละ จากกรณีที่นิตยสาร บิลด์ ตามกัด ‘ไทยโคนิก’ หลังจากที่นักข่าวของตนถูกราชองครักษ์ข่มขู่ ให้ลบภาพถ่ายการเสด็จที่โรงแรมมูนิคแอร์พอร์ตเมื่อต้นเดือน
คราวนี้บิลด์ตีข่าวแรงเรื่องกษัตริย์ไทยขนราชทรัพย์ “งานศิลปะ วัตถุล้ำค่า และศฤงคารจากวิหารโบราณ” ไปยังนครมูนิค เยอรมนี แม้นว่าเหตุอ้างของบิลด์ที่ว่าเป็นเพราะพระองค์ทรงรู้สึกไม่มั่นคงนัก ในสถานะประมุขของประเทศ ดูจะแย้งกับสภาพการณ์ที่เป็นอย่างมาก
เนื่องจากปัจจุบันมีการดำเนินคดีต่อผู้ที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เป็นว่าเล่น มีผู้ถูกตั้งข้อหาและดำเนินคดีในความผิดอาญามาตรา ๑๑๒ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง ๑๕๖ ราย หลายคนถูกคุมขังโดยยังไม่เริ่มดำเนินคดีเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
บางเหตุที่อ้างว่าเป็นความผิดก็ไร้สาระเสียจน ทำให้กระบวนการศาลไทยแสดงออกถึงการด้อยจิตสำนึกและปัญญาวุฒิ เช่นการใส่เสื้อคร็อปท้อปเดินห้าง เป็นการให้ร้ายองค์พระมหากษัตริย์ได้อย่างไร ในเมื่อก็ทรงฉลองพระองค์เช่นนั้นมาก่อน
แสดงว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำการปกป้องพระเจ้าอยู่หัวและปกปิดภาพร้ายอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ขนาดที่ประยุทธ์เองสนับสนุนให้ ‘ม็อบเชิดสิงโต’ ชุมนุมขับไล่แอมเนสตี้อินเตอร์แน้ทชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์การสิทธิมนุษยชนสากลที่ทั่วโลกยกย่อง
นั่นแสดงว่ารัฐบาลประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐวายร้ายที่ต่อต้านการเชิดชูสิทธิมนุษยชน เพียงเพื่อจะเชิดชูสถาบันกษัตริย์ แล้วอย่างนี้จะว่ารัชกาลที่ ๑๐ ทรงรู้สึกว่าความมั่นคงแห่งสถานะของพระองค์ถูกคุกคามได้อย่างไร หากแต่ประเด็นเที่ยวบิน ๑๔ ครั้งที่อ้าง มีหลักฐานรองรับ
ปรากฎว่า “บันทึกการบินเส้นทาง กรุงเทพ-มิวนิค-กรุงเทพ TG924/925 ของการบินไทย ที่บินถี่ยิบแทบจะวันเว้นวัน” ๑๗ เที่ยวนั้น ไม่ปกติเป็นอย่างยิ่ง ‘พูติกาล ศายษีมา’ โพสต์ถึงความสมเหตุสมผลของเที่ยวบินเหล่านั้นไว้ว่า
“หนึ่ง ผู้โดยสารเส้นทางนี้ในช่วงก่อนโควิดก็ไม่ได้มากขนาดนี้ สอง ในเว็บการบินไทยไม่ขายตั๋วเที่ยว กรุงเทพ-มิวนิค แบบเที่ยวบินตรงให้คนทั่วไป ที่มีขายเป็นแบบไปต่อเครื่องที่แฟรงเฟิร์ต หรือยุโรปเมืองอื่น” แสดงว่าเป็นเที่ยวบินพิเศษ VVIP แน่ๆ
พิเศษด้าน Cargo ในเมื่อ “การขนส่งของโดยการบินไทยต้องใช้เครื่องบินโดยสาร แทนที่จะไปใช้เครื่องบินขนส่ง ก็เพราะการบินไทยไม่มีเครื่องบินขนส่งโดยเฉพาะ เครื่องบินขนส่งลำสุดท้าย (747) ของการบินไทยถูกขายไป ๕-๖ ปีแล้ว”
Saiseema Phutikarn สันนิษฐาน “ถ้าดูความคืบหน้าการก่อสร้าง V Complex กลางกรุงมูลค่าหลายหมื่นล้าน จะเห็นว่ามีอาคารใหม่ๆเพิ่มอีกหลายอาคาร อาจมีความต้องการเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ เครื่องใช้ ที่อาจหาไม่ได้ในไทย”จึงเป็นไปได้ว่ารายงานของบิลด์อาจไม่ถูกต้อง แต่มันก็เป็นการเปิดกระป๋องเจอหนอนยั้วเยี้ย เมื่อ Nanthida Rakwong เก็บเอาไปเล่นที่ รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ว่ามี “สื่อประเทศสวิตเซอร์แลนด์รายงาน” (เกี่ยวเนื่องที่มีเที่ยวบินการบินไทยใช้ส่วนพระองค์บินไปซูริค)
“พฤติกรรมการขนเงิน+ของมีค่าประเทศแล้วเอาไปฝากที่ธนาคาร ตปท.ของสถาบันกษัตริย์ไทย มีมาตั้งแต่สมัย ร.๕ เท่าที่รู้” เธออ้างหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูล เมอร์คิวรี่ ลงข่าวใน พ.ศ.๒๔๔๐ เรื่อง “ร.๕ มีรายได้ ๘ ล้านเหรียญดอลล่าหรือมากกว่านั้น+มีเงินฝาก ๔๐ ล้านดอลล่าสหรัฐ”
ที่สำคัญเธออ้าง ‘The King Never Smiles’ ถึงพระบรมราชชนนีพันปีหลวง หรือสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ของรัชกาลที่ ๙ ว่าเมื่อคราว ‘เสด็จฯ ๘๐’ “ใช้จ่ายเงิน (ภาษี) ไปกับศัลยกรรมความงาม ซื้อบ้านหรู แหวนเพชร และยังแอบเอาเงินไปฝากไว้ในธนาคาร ตปท.เผื่อไว้เวลาที่ต้องลี้ภัย”
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ‘TKNS’ อย่างไรเป็นอีกเรื่อง แต่ว่าหลังเสด็จฯ ๘๐ พักใหญ่เกิด ‘เมษาฮาวาย’ ฮือฮามากเมื่อ ‘ยังเติร์ก’ ลูกป๋าแท้ๆ พยายามยึดอำนาจป๋าไม่สำเร็จเพราะ ‘สมเด็จฯ’ ทรงช่วยไว้ด้วยการส่งเฮลิค้อปเตอร์ไปรับจากบ้านสี่เสาฯ
ก่อนหน้านั้นมีหนึ่งในยังเติร์กเดินทางไปนครลอส แองเจลีส เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงว่ามีราชวงศ์ไทยนำศิลปะโบราณจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไปขายให้แก่ห้าง ‘Neiman Marcus’ และมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์กับโรงแรมที่นั่นหรือไม่
ยังเติร์กได้เรื่องกลับไปแค่ไหนไม่รู้ ทราบจากข่าวภายหลังว่าความพยายามยึดอำนาจล้มเหลว แต่ใครไปเดินห้างนีมานมาร์กัสในเบฟเวอรี่ฮิลส์ช่วงนั้น จะเห็นเทวรูปครึ่งร่างทรงขอมขนาดเท่าคน ตั้งเป็นวัสดุตกแต่งไว้ในที่สูงเห็นได้จากทั่วห้อง
(https://twitter.com/ThaiPolitica/status/1417079319961210880, https://www.nau.ch/people/welt/thai-konig-maha-vajiralongkorn-bringt-seine-schatze-in-sicherheit-66053967 และ https://www.facebook.com/photo/?fbid=3013872182261622&set=p.3013872182261622)