คดี ‘ลุงพล’ นี่กลายเป็นว่า สิระ ‘เผือก’ ไม่เข้าท่าหรือเปล่าเนี่ย ส.ส.คนนี้เคยมีประวัติไปกร่าง (กับตำรวจ) นอกพื้นที่ เกินขอบข่ายพันธกิจผู้แทนฯ ก่อนได้รับจัดตั้งเป็นประธานกรรมาธิการกฎหมายฯ (เพราะเส้นโตสายพี่ใหญ่) เสียด้วยซ้ำไป
คราวนี้คุณ ‘เจนจาคะ’ ขอยืนยัน “ต้องไปพบแม่น้องชมพู่ เพราะรับปากนายไชย์พลและแม่น้องชมพู่ว่า จะเข้ามาดูแลความยุติธรรม...ซึ่งเราทำหน้าที่ของ กมธ.กฎหมายฯ” แต่ดูเหมือนว่าสิระจะไม่แตกฉานเท่าไรนักกับประเด็นกฎหมายนี่ละ
ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์คณะนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเป็นความรู้สาธารณะว่า มีประเด็นทางกฎหมายรัฐธรรมนูญต้องเข้าใจในเรื่องนี้กันหน่อย ว่า “อำนาจของคณะกรรมาธิการในการรับเรื่องราวร้องทุกข์...
นั้นจะต้องอยู่ในส่วนงานของฝ่ายนิติบัญญัติ” อันเกี่ยวกับ “ภารกิจช่วยเหลือการดำเนินการของรัฐสภา” ไม่เช่นนั้น “ย่อมไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้” เพราะจะไปข้องเกี่ยวเรื่องในอำนาจขององค์กรอื่น ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ
อจ.พรสันต์ ขยายความต่อไปว่า กรณีที่ทนายตั้ม (ษิทรา เบี้ยบังเกิด) กับลุงพล (ไชย์พล วิภา) ไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับสิระ (จัดฉากแถลงข่าวกันคึกโครม) ว่าตำรวจออกหมายจับลุงพลด้วยข้อมูลเท็จว่าจะหลบหนี ซ้ำ ผบ.ตร.ไม่ยอมรับมอบตัวนั้น
เป็นการร้องเรียนเรื่องออก ‘หมายจับ’ ซึ่งไม่ใช่ตำรวจเป็นคนทำ ศาลต่างหากเป็นผู้ใช้ดุลพินิจตัดสินให้มีการออกหมายจับ โดยตำรวจเป็นผู้เสนอในเบื้องต้น (เป็น Initiator) เข้าหลักการถ่วงดุลอำนาจ ตามมาตรา ๒๘ ของรัฐธรรมนูญ
“ตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจของคณะกรรมาธิการมีขอบเขตจำกัด” อจ.พรสันต์เน้น “กล่าวคือ ไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายเสียเอง อันเป็นบทบาทอำนาจหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ...ที่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่อาจก้าวล่วงได้ (Sub Judice)”
แต่การอ้าง ทำหน้าที่ ของสิระนี้ ดูจะเกินพอดีไปบ้าง จนมีคนเอาไปทำภาพล้อเลียนว่า ลุงพลใส่สูทไปสภา มีตำรวจสภาขับรถกอล์ฟไปส่ง แต่เวลาราษฎรยกขบวนไปสภากลับโดนฉีดน้ำผสมเคมีสีม่วง ซ้ำยังมีนัดกินข้าวพูดคุยกันกับ ส.ส.พลังประชารัฐก่อนแล้ว
จากโพสต์ของ Pavin Chachavalpongpun บอก “แหล่งข่าวแจ้งมา ลุงพลกับสิระไปกินข้าวกันเมื่อวันที่ ๗ เมษายน มี ส.ส.พลังประชารัฐไปด้วย (ปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน) มันต้องมึอะไรกันใช่ไหมคะ” เป็นนัยยะทางการเมืองไม่ต้องสงสัย
แถลงข่าวจบลุงพลรับผ้าทอมือศิลปกรรมมุกดาหารจาก ‘ป้าแต๋น’ (สมพร หลาบโพธิ์) มอบเป็นของขวัญแก่สิระ เสริมบรรยากาศยังกับงานเปิดตัวศิลปินดังกำลังรุ่ง ขณะที่ระหว่างการประชุม พรก.กู้ ๕ แสน ข้างบนสภาซึ่งสิระออกตัวก่อนแถลงว่าไม่ได้มากลบข่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งในระหว่างตอบประเด็นที่ ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปราย “ลุกขึ้นชี้แจงแบบฟาดๆๆฝ่ายค้าน ท่อนท้ายท่านพูดว่า ไม่รู้ที่รัฐสภาทำอะไรได้บ้าง เมื่อกี้ก็เอาผู้ต้องหามาแถลงสู้คดีอยู่ข้างล่าง ใต้ถุนสภา” (Jin Somroutai@jin_somroutai)
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการฟาดเขาฟาดหาง ดัง ข่าวสด@KhaosodOnline เล่า “ตู่ฉุน ถูกฝ่ายค้านเรียกเข้าห้องประชุม ซัดโชคดีที่สภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดข้างนอกก็มีปัญหาเหมือนกัน ไอ้พวกชอบพูดข้างนอกระวังด้วยละกัน” แล้วอ้าง
“ผมถวายสัตย์ปฏิญาณมาแล้วว่าจะไม่พูดโกหก ซื่อสัตย์สุจริตต่อสถาบัน” (แต่ทั่นไม่เคยเป็นหรือไม่ใช่สัตว์ซื่อๆ ซ้ำร้ายยังดัดจริตบิดครรลอง ไม่ยอมปฏิญานตนต่อรัฐธรรมนูญ) อีกทั้งคราวนี้ออกลาย ‘ฉุนสะบัด’ ซัดดะ “นายกฯ ถามกลางสภาฯ ว่ารู้จักอนาคตมั้ย
รู้จักมั้ยอนาคต” น่ะ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิสร เอามาตอบ @wirojlak “ท่านไม่รู้ตัวหรอกหรือ ว่าท่านได้ทำให้ประชาชนลืมคำๆ นี้ ไปแล้ว” ส่วนที่เขาอภิปรายในสภาเรื่องที่นายกฯ ไม่ยอมลงมาร่วมประชุม ทั้งที่เป็น พรก.ของรัฐบาลขอเงินเพิ่ม ๕ แสนล้าน
“ท่านนายกฯ ถ้ามาแล้วไม่ใช่มาซุ่มนั่งฟังอยู่ข้างหลัง มันเป็น ‘หน้าที่’ ของท่าน ที่ต้องมาชี้แจงกับประชาชนผ่านสภาฯ ว่าที่ผ่านมาเอาเงินไปใช้อะไร แล้วที่จะกู้เพิ่มนี่จะเปลี่ยนวิธีใช้เงินไหม” ส.ส.ก้าวไกลอีกคน ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ถึงกับฉีกร่างฯ บนกระดาษ ๕ แผ่นประท้วง
ฝ่ายค้านอภิปรายกันอย่างเข้มข้นมากทุกคน มีคนหนึ่งพูดได้จริงจัง เข้าเป้า และตอบโจทย์การผิดผีผิดไข้ บริหารงานห่วยแตกของรัฐบาลนี้ได้ตรงเผง เป็น ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ บอก “ดิฉันขอเสนอท่านนายกฯ
ไปลอกการบ้านประเทศอื่นมาเลยค่ะ ท่านอย่าคิดเองเลย ยิ่งท่านคิดเอง มันยิ่งยุ่งค่ะ เมื่อท่านนายกมีสมองแค่ ๘๖,๐๐๐ เซลล์ ดิฉันจึงคิดว่าท่านคงรับมือกับโควิดไม่ได้ เพราะไวรัสมันคงพัฒนาไปไกลกว่าสมองของท่าน” นะจ๊ะ นะจ๊ะ
(ขอบคุณข้อมูลจาก Voice TV, ธนวัฒน์ วงค์ไชย - Tanawat Wongchai, Noppakow Kongsuwan, WorkpointTODAY และ https://ch3plus.com/news/program/244324)