วันอังคาร, พฤษภาคม 04, 2564

หากไทยยังเฉย อย่าฝันว่า สังคมกลียุคจะไม่มาเยือนไทย!


ภาพจาก youtube สังคมไร้ความ"ยุติธรรม"รอวัน"กลียุค". ทางออก...วิกฤติศรัทธา"ศาล"?
.....
Kamol Kamoltrakul
9h ·

หากไทยยังเฉย อย่าฝันว่า สังคมกลียุคจะไม่มาเยือนไทย!
นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเมื่อ 89 ปี ที่ผ่านมาและมีการตั้งกระทรวงทบวงกรมแบบสมัยใหม่ตามโลกตะวันตก จะมีการปฏิเสธ ท้าทาย หรือไม่ยอมรับในบทบาทการใช้อำนาจของหน่วยงานหรือสถาบันเหล่านั้น เช่น สถาบันตุลาการ สถาบันบริหาร สถาบันนิติบัญญัติ และไม่เว้น แม้แต่สถาบันสงฆ์ อย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้
ศรัทธาและความหวังพึ่งของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ระบบราชการและระบบการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐเหลือน้อยมากแทบจะเป็นศูนย์
ไม่เคยปรากฏมาก่อนจากการสำรวจในกลุ่มประชากรตัวอย่างที่ไม่ใหญ่นักว่า จะมีคนกว่า 5 แสนคนที่ต้องการย้ายถิ่นฐานหนีไปอยู่ประเทศอื่นที่เขาคิดว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า โดยมีการตั้งกลุ่มในสื่อสังคมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
คนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระดับมันสมอง เป็นบุคลากรที่เป็นนักวิชาชีพที่เป็นพลังในการสร้างชาติหากสูญเสียไป ก็เป็นความสูญเสียที่สำคัญของชาติ
อาจจะมีบางคนย้อนว่า ถ้าไม่อยากอยู่ประเทศนี้ก็ไปให้พ้นเสียซิ แต่มีคำถามว่าคนที่คิดเช่นนี้ คุณเป็นเจ้าของประเทศนี้หรือ?
คำว่าประเทศกับประชาชน เป็นคำๆเดียวกัน เพราะประเทศที่ไร้ประชาชน ไม่เรียกว่าประเทศ แต่เรียกว่าแผ่นดิน หรือทะเลทราย
ไม่เคยปรากฏว่าศรัทธาของประชาชนที่มีต่ออำนาจตุลาการจะตกต่ำมากขนาดนี้ โดยการชุมนุมประท้วงมีการใช้สีป้าย ขีดเขียน พ่นสี ขว้างปาไข่ มะเขือเทศใส่ป้ายอันโอ่อ่าหรูหราของที่ทำการศาลซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม กรณีนี้หนักกว่าการประท้วงเรื่องป่าแหว่งที่ฝ่ายตุลาการไปรุกป่าสร้างบ้านพักเสียอีก
ไม่ว่าจะมีวาทกรรมของ 2 ขั้วที่คิดต่างที่ใช้เหตุผลสารพัดหรือสีข้างเข้าถูมาแย้งกันหรือทะเลาะด่าว่ากันผ่านสื่อโซเชียล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมในวันนี้ ตั้งแต่เรื่องการชุมนุมรายวัน เรื่องความยากจน ช่องว่างคนจนกับคนรวย ความเหลื่อมล้ำ การตกงาน ธุรกิจปิดตัว ราคาพืชผลที่ตกต่ำ ราคาก๊าซน้ำมันที่แพงที่สุดในโลก ค่ารถไฟฟ้าและค่าทางด่วนทางพิเศษที่แพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรายได้ขั้นต่ำต่อวัน
พูดอย่างภาษาชาวบ้าน คือ เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า( ทั้งหมดนี้เกิดและถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียง 7 ปี)
แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือการหมดสิ้นศรัทธาและความเคารพต่อเสาหลักของชาติทุกเสา ภาวะที่เปรียบเสมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแปที่เป็นธรรม( ยึดหลักนิติธรรม) ไร้ตาชั่งที่เที่ยงธรรม องค์กรบุคคลในเครื่องแบบทั้งสีเขียว สีกากี ที่ประชาชนเคยศรัทธาและจำต้องพึ่งพาให้เป็นรั้วของชาติ ให้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กลับแปรบทบาทเป็นตรงกันข้ามกับพันธกิจหลักของตน คือหน่วยงานเหล่านี้มองประชาชนเป็นศัตรู ที่พร้อมจะเข้าห้ำหั่นบทขยี้อย่างรุนแรงโหดเหี้ยมด้วยกำลังอาวุธ หรือโดยอ้างกฎหมาย(ที่ไม่เป็นธรรมและขัดกับหลักนิติธรรมสากล)
ทุกเสาหลักไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกิจของตนตามกฎหมาย แต่ปฏิบัติตรงกันข้ามกับพันธกิจของตน
เยาวชนที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในวันนี้ เขาจะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าที่มีบาดแผลติดตัว มีความทรงจำอันเลวร้าย และไม่สามารถเติบโตพัฒนาตนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของชาติตามวิถีปกติในสังคมที่มีระเบียบ แบบแผน และกฏเกณฑ์ที่มีความเป็นธรรมและยุติธรรม
สังคมในอนาคตอาจจะเป็นสังคมที่สิ้นหวัง ไร้ความหวัง ไร้ที่พึ่ง (ในกระบวนการยุติธรรม) คับแค้น เก็บกด จนกระจุก รวยกระจาย ระบบเส้นสายเล่นพรรคเล่นพวก ระบบอุปถัมภ์ ระบบเจ้าขุนมูลนาย ระบบคอรัปชั่น เหมือนยุคนี้ นั่นคือเงื่อนไขของ “ สังคมกลียุค” สังคมที่เราเห็นในหนังคาวบอยในสมัยตอนเป็นเด็ก คือตัดสินทุกอย่างด้วยการใช้อาวุธ ( Take the law into (one's) own hands)
หรือกฎหมายป่า(Jungle laws)
หลายๆประเทศเคยเกิดหรือกำลังเกิดสภาพกลียุค ที่ ไม่มีใครในสังคมมีความปลอดภัยอีกต่อไป บางเมืองใน ประเทศฟิลิปปินส์ บราซิล โคลัมเบีย และเม๊กซิโก ร้านค้าต้องมี รปภ. ถือปืนยาวคอยเฝ้า ลูกหลานคนรวยและอภิสิทธิ์ชนต้องมี รปภ.หรือบอดี้การ์ด ตามไปรับส่งถึงโรงเรียน มีการจับตัวเรียกค่าไถ่รายวัน อาชีพค้ายาเสพย์ติดเป็นอาชีพเดียวที่ประกันการอยู่รอดของครอบครัว
หากไทยยังเฉย ตัวอย่างข้างต้น อย่าคิดว่า เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ มีตัวอย่างเกิดขึ้นให้เห็นแล้ว
อาจจะมีคำถามย้อนกลับมาว่า แล้วทางออก หรือจะให้ทำอะไร จะแก้อย่างไร แก้ที่ไหน ภาคส่วนไหนที่เป็นต้นเหตุ
นี่คือโจทย์ที่ “ไทยไม่เฉย” จะต้องช่วยกันตีโจทย์