วันอาทิตย์, เมษายน 04, 2564

สถาบัน 'ขับถ่าย' กับสื่อ 'สายให้ร้าย' ฉวยโอกาสโหมโจมตีการเมือง 'พวกสามนิ้ว' เหตุไฟไหม้บ้านมินเนี่ยนทลาย


อีกแระ สถาบันขับถ่ายอะไรนั่น พอบ้านมินเนี่ยนไฟไหม้พังทลายทั้งหลัง ก็เอาเลย โหมโจมตีให้ร้ายทางการเมือง “เคยถูก ๓ นิ้วขู่จะเผา” พาดพิงธนาธรและเพื่อไทยจะแจ้ง ไม่สนอาจโดนฟ้องหมิ่นประมาท ถือว่าเส้นใหญ่เสียอย่าง

เจ้าของบ้านใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ “ผมโดนวางเพลิง” อ้างระบบในบ้านดีมาก ทั้งท้อปนิวส์ ทั้งผู้จัดการ ร่วมด้วยช่วยโหมชี้นิ้วไปที่ พวกล้มสถาบันฯ ทั้งที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแท้จริง แน่ๆ น่ะอาคาร (ต่อเติม) สามชั้นโดนไฟไม่นานนักถล่มทั้งหลังน่าสงสัย

หลายต่อหลายคนคาดคะเนว่า “เชื่อเถอะว่าหลังตรวจสอบหลักฐาน ถ้าไม่ต่อเติมโดยไม่ได้ขออนุญาต ก็สร้างโดยลดสเป็กวัสดุ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถล่มลงมาง่ายดายขนาดนี้” เดิมบ้านสองชั้นต่อเติมห้องเช่าเต็มเนื้อที่รอบบ้านไม่พอ ต่อชั้นสามอีก

เบาะแสตอนนี้ที่มี จากข่าวช่อง ๘ ว่ามีผู้อาศัยรายหนึ่งพาครอบครัวออกมาจากอาคารได้ทัน เล่าว่า “พบต้นเพลิงอยู่ที่ตู้พัก รปภ.เก่า ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นห้องเก็บของ เก็บที่นอนเก่า และติดตั้งปั๊มลมสำหรับฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา”

จึงเป็นไปได้อาจเกิดไฟลัดวงจร เกล็ดไฟกระเด็น “เห็นเพียงว่าประกายไฟลุกลามเร็วมาก” และทั้งอาคารพังลงรวดเร็วยิ่งกว่า ทำให้หน่วยกู้ภัยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในนั้น ๔ คนไม่ทันรู้ตัว กับผู้อาศัยอีกคนอยู่ในห้องน้ำเสียชีวิตหมดเพราะติดอยู่ภายใน

เจ้าของอาคารเป็นพลรบ กปปส.ตัวเอ้ ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ ติดป้ายข้อความสาดเสีย ไอ้ตี๋พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลรอบอาคารและบนหลังคา บอกว่า#DNAจัญไร และ#หนักแผ่นดิน ป้ายไวนิลเหล่านั้นเมื่อเก่ากรำแดดจะแตกแห้งและติดไฟง่าย

ม็อบมินเนี่ยนซึ่งอ้าง #รักสถาบันฯ ไม่เคยต้องระคายเคืองจากตำรวจ ขณะพวก #ราษฎรถูกจับตัวเอาไปคุมขังและห้ามประกันกันระนาว รายล่าสุดคือ โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่ม วีโว่ทั้งที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากคดี ม.๑๑๖ ถูกอายัติต่อทันที


คราวนี้ยัดข้อหา ม.๑๑๒ ใบสั่งจับมาจากกาฬสินธุ์ ออกหมายอย่างเร่งรีบร้อนรน “จนลืมติ๊กระบุเหตุที่ต้องออกหมาย” ผู้พิพากษาปวริส หวังพินิจกุล เซ็นส่งไม่ต้องดูรายละเอียด ผู้พิพากษาอีกคนเซ็นสั่งห้ามประกันตัว สาเหตุที่ไม่ให้ประกัน ทึ่มไม่สร่าง

อ้างว่าผู้ต้องหาเป็นหัวหน้ากลุ่ม “ที่สนับสนุนการชุมนุมทางการเมือง ก่อให้เกิดความวุ่นวาย สร้างความแตกแยกขึ้นในราชอาณาจักร” ผู้พิพากษา ยุทธนา แสนจันทร์ ผู้สั่งได้รับการจดจารไว้อีกคนว่า ความฝันอันสูงสุดอนาคตหลังเกษียณอาจได้เป็นองคมนตรี

เช่นกันกับรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขาโหดซึ่งแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมประกาศเตือน นักโทษการเมืองที่ยังถูกคุมขังทั้งหลาย ให้ระมัดระวังตัว และ “ร่วมกันจับตา...อย่าให้พวกเผด็จการมาทำร้ายเพื่อนของเรา” เนื่องเพราะ


นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีคนนี้ เคยเป็น ผอ.ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตอนที่ หมอหยอง สุริยัน สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องหา ม.๑๑๒ ซึ่งเคยถวายงาน พระบรมฯ อย่างแข็งขัน กลับต้องไปตายในคุก เพราะ ติดเชื้อในกระแสเลือดชั่วข้ามคืน

กับการที่ราชทัณฑ์และตำรวจยุคนี้มีพันธะหน้าที่สำคัญในการปราบปราม และกดขี่ ข่มเหง พวกคนรุ่นใหม่นักกิจกรรมเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชน ตชด. และนครบาล รับงานปราบหนักม็อบราษฎรนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ผู้สื่อข่าว ‘วอยซ์’ รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ กรมสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา การจัดซื้อจัดจ้างในโครงการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ควบคุมฝูงชนในการชุมนุมสาธารณะหลายรายการ” มูลค่าทั้งสิ้นเกินกว่า ๔๐๐ ล้านบาท

พบว่า อผศ.ได้รับคัดเลือกเป็นผู้จัดซื้อหลายรายการ เช่น “จัดซื้อสนับศอก...จำนวน ๑๖,๖๒๐ คู่ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๖,๕๐๘,๙๐๐ บาท” กับ “รายการถุงมือหนัง...จำนวน ๑๒,๓๘๔ คู่ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐,๕๐๐ บาท” รวมค่าภาษีและโสหุ้ยเบ็ดเสร็จ

นอกนี้ยังมีรายการอุปกรณ์ชนิดอื่นๆ ที่บริษัทเอกชนได้ไป เช่น หมวกปราบจลาจล วงเงิน ๕๙ ล้านบาทกว่า หรือ “ซื้อรถปฏิบัติการในการชุมนุม ๕ คัน งบประมาณ ๘๗,๙๕๐,๐๐๐ บาท” ชุดป้องกันสะเก็ด โล่ห์ใส กระบองยาง ไม้ตี บาตองรวมกว่า ๗๑ ล้านบาท

กลายเป็นธุรกิจด้านความมั่นคงอันฟู่ฟ่า ชนิดที่ในต่างประเทศตะวันตกเรียกว่า ‘lucrative’ จนเห็นได้ว่ากองกำลังปราบม็อบเหล่านี้มีเครื่องทรงหรูหราทันสมัย และเป็นกิจการทำรายได้งดงามแก่ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.)

(https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10161633087769848, https://www.facebook.com/ThammasatUFTD/posts/268806874927440, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2716558945303647 และ https://www.facebook.com/fm91trafficpro/videos/790820724859958/)