ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วธ.เดินหน้ารณรงค์ค่านิยม 12 ประการ ปัดฝุ่นรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
วธ. เดินหน้ารณรงค์ค่านิยม 12 ประการ ปัดฝุ่นรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ตลอดจนวันสำคัญ พิธีการ งานประเพณี ต่างๆ พร้อมขอให้ราชการที่เดินทางไปดูงานหรือไปประชุมต่างประเทศ อุดหนุนร้านอาหารไทย ที่มีกว่า 20,000 ร้านทั่วโลก หวังอุ้มผู้ประกอบการคนไทย
วันนี้ (30ต.ค.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ว่าจากที่ วธ. ได้มีการรณงค์ค่านิยมหลัก 12 ประการ ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้นำไปสู่สู่การปฏิบัติ ที่ประชุม จึงได้เห็นชอบการรณรงค์ส่งเสริมให้บุคลากรภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนคนไทย แต่งกายด้วยผ้าไทย อย่างแพร่หลาย โดยขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เชิญชวนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุกหน่วยงานแต่งกายผ้าไทยในวันปฏิบัติราชการ โดยให้หน่วยงานกำหนดวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์ เพื่อเป็นแบบอย่างของการแสดงถึงเอกลักษณ์ไทย
นอกจากนี้ยังขอให้หน่วยงานภาครัฐมีการแต่งกายผ้าไทยในงานรัฐพิธี หรืองานพิธีการ หรือ โอกาสสำคัญต่างๆ แทนการแต่งกายด้วยชุดสากล เว้นแต่งานที่ได้มีการกำหนดรูปแบบการแต่งกายตามจารีตประเพณี และธรรมเนียมปฏิบัติไว้เป็นการเฉพาะ ที่สำคัญ ยังขอความร่วมมือไปยังข้าราชการการเมือง ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่รัฐ แต่งกายด้วยผ้าไทย ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และการประชุมต่างๆ ของรัฐสภา และให้เป็นต้นแบบของการแต่งกายภาคประชาชน ขณะที่ภาคเอกชน ก็ขอความร่วมมือ เชิญชวนแต่งกายด้ายผ้าไทยตามความเหมาะสม
รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า ส่วนสถานศึกษา รณรงค์ให้สถานศึกษากำหนดให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา แต่งกายด้วยผ้าไทย แทนการแต่งกายด้วยเครื่องแบบปกติ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน และส่งเสริมให้นำผ้าไทยประยุกต์ใช้ในการจัดทำเครื่องแบบนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมทั้งได้รณรงค์ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้พนักงานมีการแต่งกายด้วยผ้าไทยในการให้บริการ ในสถานประกอบการ นอกจากนี้ยัง ให้มีการจัดการประกวดหรือ คัดเลือกให้รางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล หน่วยงาน ที่เป็นแบบอย่างที่ดี ในการส่งเสริมให้บุคลากรแต่งกายผ้าไทยอย่างแพร่หลาย และต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย ไม่ได้เป็นเพียงผ้าไหม หรือ ผ้าราคาแพงเท่านั้น แต่หมายรวมถึงผ้าทุกชนิดอย่าง ผ้าฝ้าย ผ้าทอมือ ผ้าขาวม้า เป็นต้น
นายวีระ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการส่งเสริมให้ใช้บริการอุดหนุนร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ที่มีอยู่กว่า 20,000 ร้านทั่วโลก โดยเฉพาะ ในกรณีที่หน่วยงานภาครัฐ เดินทางไปศึกษาดูงานหรือประชุมในต่างประเทศ จึงขอความร่วมมือให้ไปอุดหนุนร้านอาหารไทย เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประกอบการคนไทย โดยเฉพาะร้านอาหารที่ได้รับรองมาตรฐานคุณภาพและรสชาติแบบไทย “ไทย ซีเล็กท์” (Thai Select) จากกระทรวงพาณิชย์ หรือร้านอาหารที่ทางสถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ แนะนำ และควรมีการสนับสนุนร้านอาหารไทยในต่างประเทศใช้วัตถุดิบของไทยเป็นหลักในการประกอบอาหารด้วย โดย ทาง วธ. จะทำคู่มือรวบรวมร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางให้แก่หน่วยงานต่างๆ ให้นำไปใช้ต่อไป ทั้งนี้ ตนจะนำผลการประชุมดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมครม. เพื่อพิจารณาและอนุมัติเห็นชอบเป็นแนวปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียงกันต่อไป
นายธงชัย ณ นคร ผู้ทรงคุณวุฒิกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ตนได้เสนอต่อที่ประชุม ถึงการกวดขัน ในการปกป้องสิทธิ์ เกี่ยวกับการใช้คำว่า ไทย ในร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา มีการปล่อยปะละเลย ถึงการนำคำว่า ไทย ไปใช้ บางร้าน เจ้าของร้านไม่ได้เป็นคนไทย แต่อ้างเปิดร้านอาหารไทย และปรุงรสชาติอาหารไทยผิดเพี้ยนไปมาก จนทำให้เอกลักษณ์ของอาหารไทยหายไป ดังนั้น อยากให้กระทรวงวัฒนธรรม หาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนด้วย
ความเห็นจากเวป
เราต้องเริ่มต้นปกป้องความเป็นไทย โดยการเลิกใช้ชื่ออินเดีย
ร้านไหนรสไม่ดี ไม่อร่อยก็เลิกขายไปเอง จะมายุ่งอะไรนักหนา ซูชิอาหารชั้นสูง วางขายตลาดนัดอันละห้าบาท คนญี่ปุ่นมาเห็นยังไม่บ่นอะไรสักนิดเลย...ไอ้นี่คงว่างมากหรือไม่ก็ถลุงเงินงบประมาณไปดูงานบ่อยเกินถึงได้ไปเจอล่ะสิ
อ่านไปขำไปจริงของคุณนะ แนวทางแก้ัปัญหาที่ดีที่สุดในโลกาคือคนพวกนี้ “หุบปาก“ แล้วกลับไป
“เลี้ยงหมา“ ที่บ้านซะ 555
“เลี้ยงหมา“ ที่บ้านซะ 555
ร้านไทยที่ฝรั่งเป็นเจ้าของบางร้าน ขายดีกว่าร้านไทยที่คนไทยเป็นเจ้าของอีกครับ เพราะฝรั่งเขารู้ไงว่าฝรั่งด้วยกันชอบรสแบบไหน ผมยังเอาสูตรอาหารจานนึงของร้านไทยที่ฝรั่งเป็นเจ้าของมาขายที่ร้านผมเลย อาหารจานนี้ผมกิน 2 ที กินได้แค่ครึ่งจานทั้ง 2 ที เพราะรสชาติมันไม่ได้เรื่องเลย (ในความคิดของผม) แต่ก็ลองเอาไปขายฝรั่งดู ปรากฏว่าขายดิบขายดี ฝรั่งมาสั่งกินแล้วบอก อร่อยจัง ไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนี้เลย เวรกรรม...
ร้านอาหารไทยที่ได้ดาวจากมิชลิน อย่าง Nahm ที่ลอนดอนและเปิดที่กรุงเทพฯด้วย ร้าน Kiin Kiin ที่โคเปนเฮเกน ทั้งสองร้านปรุงโดยเชฟฝรั่ง คนไทยไปกินยังบอกว่าแปลกและน่าสนใจแถมรสชาติยังอร่อยแบบอาหารไทยแท้ๆ แทนที่จะดีใจว่าเค้าช่วยโปรโมทให้อาหารไทยมีชื่อเสียงมากขึ้น โดยใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป พวกโง่นี่กลับทำได้แต่ย่ำอยู่ในกะลาแล้วแหกปากด่าคอยจับผิดคนอื่น เบื่อ!!!