ใครก็ได้ พวกสื่อจงรัก องค์กรภักดีทั้งหลาย ช่วยไปบอกบริษัทคิงส์เกตให้น้อมรับปรัชญาของในหลวงที่อยู่สรวงสวรรค์ ร.๙ นั้น ว่า ‘พอเพียง’ หน่อย เพราะทำให้ ‘ไอทู้บ’ ปวดหัว ต้องเล่นบทลูกแมวเซื่องกับเขาต่อไปอีก จะเอาอะไรคอยประเคนให้
อันเนื่องมาแต่คดีในศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ที่บริษัทคิงส์เกตแห่งออสเตรเลีย ผู้ประกอบการเหมืองทองอัคราที่พิจิตร ฟ้องรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าลุแก่อำนาจไร้ขื่อแป สั่งปิดเหมืองของเขาไป โดยผิดข้อตกลง ‘TAFTA’
จนปรากฏว่ารัฐบาลไทยทำท่าจะแพ้ จึงได้มีการใช้ชั้นเชิงการทูตแบบหางจุกตูด ขอยืดเวลาเจรจาต่อรองกันใหม่ ศาลก็ใจดี๊ใจดียืดให้ ๕ เดือน ระหว่างนี้รัฐบาลขี้ตู่เร่งรีบออกอาชญาบัตรเพิ่มเติมให้แก่คิงส์เกต อ้างว่าเป็นคำร้องตกค้างมาแต่ครั้งโน้น
อาชญาบัตร ‘พิเศษ’ ที่ออกให้ใหม่แก่คิงส์เกต “เพื่อการสำรวจแร่ทองคำจำนวน ๔๔ แปลง (๓๙๗,๖๙๖ ไร่) ในพื้นที่ อ.ชนแดน กับ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์” ให้เวลาสำรวจแปลงละ ๕ ปี แล้วยังต่ออายุประทานบัตรเดิมสำหรับเหมืองทองคำและเงิน
ทั้งที่ ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ และที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร รวม ๔ แปลง ให้ยืดออกไปอีกสิบปี จะหมดอายุโน่น ธันวา ๒๕๗๔ เท่านั้นไม่พอ คณะกรรมการแร่ของไทยใจป้ำ ต่ออายุใบอนุญาตแปรรูปทองคำและเงินแถมให้ด้วย
อันนี้ให้เวลา ๕ ปี บริษัท อัครา รีซอร์สเซส สามารถแปรรูปแร่ทองและเงินที่ขุดได้เป็น commodities สินทรัพย์รูปพรรณ เอาออกไปขายในตลาดโลกไม่เกี่ยวกับไทยตามความพอใจ แต่ไม่พอเพียง เนื่องจากเมื่ออัครากลับมาเปิดเหมืองคราวนี้เจอของดี
“ปริมาณแร่ทองคำสำรองในเหมืองชาตรีได้เพิ่มขึ้นเป็น ๑.๓ ล้านออนซ์ทองคำ” หรือเพิ่มกว่าเดิม ๔๖ เปอร์เซ็นต์ “ขณะที่ปริมาณสำรองแร่เงินก็ได้เพิ่มขึ้นจาก ๘.๓ ล้านออนซ์ เป็น ๑๒.๒ ล้านออนซ์” คือเพิ่มขึ้น ๔๗% แต่คิงส์เกตก็ไม่ได้ตีอกชกลมอะไร
เพราะ “ปริมาณสำรองทองคำที่เพิ่มมาใหม่นี้ บางส่วนอยู่นอกพื้นที่ประทานบัตรหรือพื้นที่อาชญาบัตรที่ขอไว้” เป็นผลให้กระบวนการ “เจรจาต่อรองผลประโยชน์คู่ขนาน” ยังยืดเยื้อต่อไปอย่างน้อยๆ ถึงปลายปี แม้นว่า ‘บีโอไอ’ ได้ปรับมาตรการส่งเสริมทำเหมืองเพิ่มแล้ว
คนที่ลุ้นหนักเวลานี้ว่าคิงส์เกตจะได้รับอนุญาตสำรวจแร่เพิ่มในพื้นที่บริสุทธ์ เป็นชาวบ้านที่อยู่อาศัยและทำมาหากินแบบสอดคล้องกับพื้นที่ป่ากันมาช้านาน อาจจะถูกไล่ที่หรือทนทุกข์กับสภาพแวดล้อมเป็นพิษ เหมือนที่เคยเกิดรอบเหมืองอัครา อีกไหม
นี่เป็น ‘ค่าโง่’ จากการกระทำของผู้นำซึ่งมาจากการแย่งอำนาจ ผลประโยชน์ของชาติเสียหายสลายไปยังไม่เพียงพอ แต่ทำให้ประชาชนต้องเป็นผู้ชดใช้ ไม่รู้อีกนานเท่าไร