ก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไมด่านตรวจคนหางานที่สุวรรณภูมิตรวจเจอคนไทยจะบินไปเกาะเชจู เกาหลีใต้ ไม่ได้เพื่อท่องเที่ยวจริงเพียง ๑๗ คน แต่ที่เหลือในเที่ยวบินนั้นอีก ๑๓๒ คน พอถึงที่นั่น ไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองถึง ๑๐๖ คน
ปัญหาคนไทยไป ‘โดดร่ม’ เพื่อทำงานในเกาหลีใต้ จะได้ส่งเงินกลับบ้านเลี้ยงดูครอบครัวเป็นล่ำสัน กำลังบานปลาย ข่าวว่าเที่ยวบินที่เป็นข่าวนี้ ถูกสกัดกั้น ปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองจำนวนมากเกือบทั้งลำนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว คราวก่อนส่งกลับ ๑๑๕ คน
ลักษณะการไป ‘ขุดทองในต่างประเทศ’ แบบนี้เคยมีมาตั้งแต่ยุค ‘เซเว็นตี้’ ทศวรรษ ๑๙๗๐ โน่นแล้ว รุ่นนั้นคนไทยไปโดดร่มที่อเมริกา บ้างก็หวังไปตายเอาดาบหน้า บ้างเพียงเสาะหาและสะสมทักษะที่หายากในบ้านเมืองเรา พอได้แล้วก็เลยใช้ที่นั่นเพราะเป็นของมีราคา
สมัยก่อน นักขุดทองอเมริกาเหล่านั้นได้รับยกย่องเป็น ‘โรบินฮู้ด’ เทพบุตรซึ่งปล้นคนรวยไปให้คนจน ถึงขนาดมีคนเขียนเป็นคู่มือออกมา (‘คู่มือโรบินฮู้ด’ โดย กมล กมลตระกูล) ใช้เป็นคัมภีร์สำหรับนักต่อสู้ ผู้ไม่งอมืองอเท้า แสวงหาความก้าวหน้าข้ามทวีป
รุ่นต่อๆ มา ไม่ว่าจะไปตะวันออกกลาง ไปอิสรเอล สะดวกกว่ารุ่นแรกเยอะ ถูกระเบียบกฎหมายเสียด้วย มาเสียท่าก็ตอนมีคนโขมยเพชร ‘บลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุฯ เอากลับมาไทยแล้วโดนตำรวจใหญ่ขมายต่อ จนไปปรากฏแว่บๆ บนพระศอ เป็นเรื่องวุ่นถึงตัดสัมพันธ์กัน
รุ่นหลังๆ นี่ที่นิยมกันมากคือเกาหลีใต้ ไปกันจนเป็นสมัยนิยม ถูกบ้าง (ผ่านสำนักหางาน) ผิดบ้าง (ซื้อตั๋วเรือบิน ตากหน้าไปเองเพราะมีเพื่อนพ้องญาติมิตรอยู่ที่นั่นแล้ว ช่วยชี้ช่อง แนะลู่ทาง ค่อนข้างสะดวก จนมีธุรกิจรับจัดการให้เรียกค่าป่วยการเป็นแสน
แต่ธุรกิจพวกนี้จับเสือมือเปล่าเสียครึ่งราคา คือจัดหาตั๋ว (แอบ) เหมาเที่ยวบิน พาไปถึงประตูเมือง (เกตเวย์) แต่ถ้าโชคไม่ดีเข้าไม่ได้ ธุรกิจเหล่านี้กลับมาฟื้นหลังจากเขาปลดล็อคกักตัวโควิด หากแต่ว่ากระบวนการตรวจตราเข้มงวดขึ้น และทางการไทยให้ความร่วมมือ
จึงได้เกิดการส่งกลับเที่ยวบินละเป็นร้อย ติดๆ กันหัวอาทิตย์ปลายอาทิตย์ แต่ก็เนอะ คนไทยชอบเสี่ยงโชค ถึงจะสูญเงินแสนเดี๋ยวลองใหม่ โชคดีหลุดไปได้ มีงานทำส่งเงินกลับเดือนละเกินแสน ถ้าอยู่เป็นปีก็ปลูกบ้านใหม่หลังใหญ่ได้สบาย