วันอังคาร, สิงหาคม 09, 2565
“เจ็บแล้วจำ“ ไดอารี่ 8 ปี ของฉัน
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
Yesterday
ไดอารี่ 8 ปี ของฉัน
.
มาถึงวันนี้ ชีวิตแต่งงานของฉันคงไปไม่รอดแน่
.
นับเป็นเวลา 8 ปีแล้ว ที่เธอฉุดกระชากลากถูฉันมาในชีวิตคู่อย่างไม่ตั้งใจ
.
วันนั้นเธอทุบโต๊ะแย่งฉันมา บอกว่าฉันต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น ฉันจำใจต้องอยู่กับเธออย่างเสียมิได้
.
พออยู่กินกัน เธอเริ่มออกกฎบังคับไม่ให้ฉันไปไหน จะทำอะไรต้องคอยรายงานเหมือนเป็นทหารรับใช้
.
ฉันกลายเป็น “นกน้อยในกรงทอง” แต่เธอคอยปลอบฉันว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะคืนความสุขให้” โดยร้องเพลงกล่อมฉันทุกเช้าเย็น
.
เวลา 8 ปี ผ่านไปอย่างกล้ำกลืน เธอไม่ได้คืนความสุข แถมยังเอาความทุกข์มาให้ฉัน
.
ด้วยการเข้าบ่อนเล่นการพนันจนหน้าดำครำ่เครียด ทำตัวเป็นคนละคน เอาแต่ดุด่า เกรี้ยวกราด บอกว่าเป็นผู้นำครอบครัว ต้องเหนื่อยยาก หาเงินมาจุนเจือ ฉันเอาแต่อยู่บ้าน ไม่ช่วยอะไร แล้วยังบ่นเซ้าซี้
.
ส่วนเงินที่เคยให้ก็ยังกลับไปกลับมา เดี๋ยวให้ 500 ลดเหลือ 100 สักพักกลับมาให้ 500 อีก เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
.
แถมบัตรลดเปอร์เซ็นต์ซื้อของที่ห้าง เดี๋ยวให้ใช้ 2 ใบควบ บอกลดได้มากกว่า แล้วกลับมาให้ใช้ใบเดียวบอกว่า ง่ายดี
.
ความสับสนเกิดขึ้นกับชีวิตฉันไม่เว้นแต่ละวัน นั่นเป็นเพราะเธอเสียนิสัยจากการพนัน เข้าบ่อนจนกลายเป็น “นักพนันอาชีพ” ไปเสียแล้ว
.
พูดจาอะไรไม่อยู่กับร่องกับรอย เชื่อถืออะไรไม่ได้ อารมณ์หงุดหงิดตลอด โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ฉันสังเกตุได้ว่า เธอมีแต่เล่นเสียกับเสีย ไม่เคยได้
.
เธอมีพรรคพวกประจำร่วมก๊วนกันอยู่ 3 คน ที่คบหากันมาแต่เด็ก แทนที่จะช่วยกันตักเตือน กลับพากันไปเที่ยวกินเหล้าเมายา ชอบเรื่องอบายมุข เข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เป็นขาใหญ่ในวงไฮโล
.
เงินในบ้านก็ร่อยหรอ แต่พวกเธอกลับเอาแบงค์พันที่สะสมมาแตกเป็นแบงค์ร้อย เข้าบ่อนไปเล่นจนที่บ้านไม่เหลืออะไร ใช้จนหมด
.
อ้างว่า คุยกับเพื่อนอีก 2 คนแล้ว สรุปว่า ลงทุนน้อยหลายๆ วง แต่เวลาได้รวมๆ กันจะได้มากกว่าเก่า
.
เพราะเล่นแบบเก่าหลังๆ มีแต่เสีย ทุ่มหมดหน้าตักทีไรเป็นเสียไปหมด เอาวิธีนี้ดีกว่า
.
หากเธอได้ ฉันก็จะได้ไปด้วย แล้วเราก็จะมีความสุขเหมือน 8 ปีที่ผ่านมา
.
โอ้แม่เจ้า นี่เธอไปอยู่ในโลกไหนมา เธอเคยรู้สึกบ้างไหมว่า 8 ปี ที่อยู่กินกันมา เธอนำแต่ความทุกข์ระทมมาให้ฉัน อดมื้อ กินมื้อ อดทนกับเธอมาสารพัด จนฉันพูดกับตัวเองว่า
.
“พอกันที มันนานเกินไปเสียแล้ว ฉันเสียเวลากับเธอมามากเกินไป”
.
แต่เธอกลับไม่รู้สึกตัว คิดหมกหมุ่นกับก๊วนขาประจำของเธอ สมองวนเวียนแต่จะเปลี่ยนกติกายังไงถึงจะชนะวงไฮโล น้ำเต้าปูปลา ที่ในบ่อนมีแต่พวก 18 มงกุฎ หน้าไหว้หลังหลอก หวังจะปอกลอกเธอ
.
พวกเธอตัดสินใจตั้งวงใหม่ เปลี่ยนกติกา แล้วใช้วิธีการอ้างชื่อเธอเพราะเป็นขาใหญ่ แตกสาขาไป “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน”
.
ทำแบบเงียบๆ หวังจะฟลุ๊คกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเก่า ทั้งๆ ที่เธอน่าจะรู้ตัวว่า “พอแล้ว”
.
แต่เพราะความมัวเมากับสิ่งที่เคยได้มาก่อน ทำให้เธอ “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” ไปปล่อยกู้ดอกฟรีให้กับพวก “ลิงหลอกเจ้า” ทั้งหลาย ที่คบกันได้เพราะเงินฟาดหัวเท่านั้น
.
ฉันคิดในใจว่า ในอดีตที่ผ่านมาฉันถูกหลอกล่อต่างๆ นานา ทั้งสัญญาคืนความสุขบ้าง เศษเงินที่โยนให้ฉันบ้าง เวลาฉันเอ่ยปากขออะไรที่จำเป็น เช่น ยารักษาโรค กว่าจะได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ หรืออาหารที่พาเหรดกันขึ้นราคา ชักหน้าไม่ถึงหลัง
.
แต่เธอมักกรอกหูฉันเสมอว่า ไม่รู้หรือว่าเธอทำงานเหนื่อยแค่ไหน? ที่ทำไปก็เพื่อครอบครัว
.
ฉันว่าไม่ใช่หรอก ที่เธอต้องวางแผนเอาชนะให้ได้เงินจากการเล่นพนัน เป็นเพราะเจ้ามือดันประกาศว่าจะ “แดกรอบโต๊ะ” เสียมากกว่า
.
เธอหลงตัวเอง กลายเป็นคนอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย หาสารพัดวิธีเพื่อชนะ แล้วแอบมากระซิบก่อนขึ้นเตียงว่า “เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
.
ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า 8 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไง ขืนให้ฉันอยู่กินกับเธอต่อไป มีหวังตกนรกทั้งเป็นต่อไปอีกนาน
.
ฉันคิดว่าท้ายสุด คงต้องหอบเสื้อผ้าหนีกลับบ้านพ่อแม่ฉันเสียดีกว่า แยกทางกันและเก็บอดีตไว้ ว่า “เจ็บแล้วจำ“
.
ไม่มีวันที่ชาตินี้จะมาร่วมหอลงโรงกับคนอย่างเธออีก