วันอาทิตย์, สิงหาคม 21, 2565

คลิปไม่เซนเซอร์ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามงบตำรวจถวายอารักขาฯ ฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น ! ใช้รถหรู 350 คัน เพื่อ #ขบวนเสด็จ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

(ไม่เซนเซอร์) ฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น! ตำรวจใช้รถหรู 350 คัน เพื่อ #ขบวนเสด็จ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

Aug 20, 2022

Move Forward Party

[ “ก้าวไกล” ตั้งคำถามงบตำรวจถวายอารักขาฯ ซ้ำซ้อนส่วนราชการในพระองค์ พบเช่ารถหรู 350 คัน กว่า 336 ล้านบาท ]

ณธีภัสร์-โรม สอง ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายงบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้ปริมาณรถถวายอารักขาเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2563 ไม่สอดคล้องกับประสิทธิภาพการถวายความปลอดภัย ทั้งนี้ พบงบเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสุดหรูเพื่อภารกิจถวายอารักขารวมกว่า 350 คัน เป็นเงิน 336 ล้านบาท เป็นงบผูกพันหลายปีรวมกว่า 1.7 พันล้านบาท ชี้เป็นความซ้ำซ้อนไม่สมเหตุล เพราะส่วนราชการในพระองค์รับโอนภารกิจทั้งหมดมาแล้ว

ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายแปรญัตติขอตัดลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในส่วนของ มาตรา 27 ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะในส่วนของภารกิจถวายความปลอดภัย พร้อมตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผลในการใช้งบประมาณดังกล่าว

โดยในส่วนของณธีภัสร์ ระบุว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนรถยนต์ที่ใช้ในขบวนเสด็จมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปี 2563 จนมาถึงปี 2566 มีรถยนต์ที่ใช้ในขบวนเสด็จถึง 350 คัน จากเดิม 122 คัน ซึ่งก็เพียงพอต่อการถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ในปีเดียวกันที่มีการเพิ่มจำนวนรถยนต์ถวายความปลอดภัย ก็มีเหตุการเปลี่ยนเส้นทางขบวนเสด็จโดยไม่แจ้งล่วงหน้า จนรถยนต์พระที่นั่งได้วิ่งผ่านเส้นทางที่มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มปริมาณรถยนต์ไม่สามารถทำให้การถวายความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้เลย

ณธีภัสร์ยังกล่าวต่อไป ว่าการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้งบประมาณและจำนวนรถมากขนาดนี้ ทำให้ผู้คนมากมายได้รับผลกระทบจากการจัดการขบวนเสด็จ ที่มีการปิดถนนและใช้รถนำขบวนที่มากจนเกินไป จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ประชาชน และแทนที่จะมีการปรับปรุงหลังได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่กลับมีการนำเอาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หมิ่นประมาทกษัตริย์ มาใช้ดำเนินคดีกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะในกรณีการทำโพลขบวนเสด็จด้วย

ด้านรังสิมันต์ ได้ขึ้นอภิปรายในประเด็นเดียวกันต่อเนื่อง โดยระบุว่าโครงการที่เกี่ยวกับการถวายความปลอดภัยพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ มีความซ้ำซ้อนกันกับภารกิจของส่วนราชการในพระองค์ ที่มีการถ่ายโอนภารกิจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว

โดยเฉพาะค่าเช่ารถยนต์ที่มีความไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโครงการเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์เพื่อใช้ในภารกิจถวายอารักขาและการรักษาความปลอดภัยในขบวนเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์ ราว 88 ล้านบาท สำหรับรถ 184 คัน, โครงการเช่ารถยนต์ตรวจการไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์เพื่อใช้ในภารกิจถวายความปลอดภัยของกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 จำนวน 7 คัน 18 ล้านบาท และการเช่ารถยนต์เพิ่มอีก 5 คัน รวม 14 ล้านบาท, การเช่ารถยนต์สำหรับกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 ที่เช่ารถยนต์ไฟฟ้าอีก 5 คัน รวม 26 ล้านบาท และยังมีค่าเช่ารถยนต์อยู่ในรายการอื่นอีกรวม 39 คัน 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่เกี่ยวกับการเช่ารถยนต์ในภารกิจการถวายอารักขาฯ ที่ไปซ่อนอยู่ในโครงการอื่นๆ อีก เช่น “โครงการบังคับใช้กฎหมายอำนวยความยุติธรรมและบริการประชาชน” ที่มีการเช่ารถยนต์ถึง 106 คัน รวมเป็นงบประมาณ 196 ล้านบาท

ซึ่งหากรวมจำนวนรถยนต์ทั้งหมดในภารกิจถวายอารักขาฯ เฉพาะในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะมีรถยนต์มากถึง 350 คัน รวมเป็นเงิน 336 ล้านบาท และหากนักรวมงบประมาณผูกพันที่ต่อเนื่องกัน จะเท่ากับงบประมาณที่มากถึง 1.7 พันล้านบาท

“เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษีของประชาชนมากขนาดนี้เพียงเพื่อเช่ารถหรู ไม่มีความจำเป็นต้องเช่ารถซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นที่มีภารกิจนี้อยู่แล้ว และได้งบประมาณไปกว่า 8 พันล้านบาทแล้ว อะไรคือความสมเหตุสมผลของการใช้เงินภาษีประชาชนแบบไม่เห็นหัวประชาชน” รังสิมันต์กล่าว