เตอร์ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ - Nateepat Kulsetthasith
5h
บ่ายวันนี้เตอร์อภิปรายงบสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ใช้ไปกับขบวนเสด็จ ก่อนการอภิปรายได้รับเอกสารแจ้งไม่ให้โชว์สไลด์ประกอบการอภิปรายบางส่วน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ซ้ำกับปีที่แล้วตอนที่เตอร์อภิปรายชี้ประเด็นงบค่าน้ำมันและบำรุงรักษาเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถึงแม้ได้มีการเรียกร้องให้ประธานวินิจฉัยอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จครับ หลังอภิปรายเสร็จจึงได้เผยแพร่สไลด์ทางทวิตเตอร์และเกิดคำถามจากประชาชนที่ติดตามอยู่มากมายว่าบรรทัดฐานการเซ็นเซอร์ของสภาคืออะไร เพราะเมื่อถามหาเหตุผล คำตอบที่ได้ยังคงเดิมคือ "สภาได้วินิจฉัยแล้ว"
หรือสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้กำลังสร้างเงื่อนไขและข้อจำกัดในการอภิปรายของ ส.ส. ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เตอร์ได้แต่หวังว่าท่านน่าจะได้เรียนรู้แล้วว่าการยิ่งปิดบัง ยิ่งเหมือนยั่วยุให้ประชาชนยิ่งอยากรู้นะครับ
ชมการอภิปรายได้ทีนี่ https://www.youtube.com/watch?v=WQYFPBee1_s และอ่านเนื้อหาการอภิปรายได้ด้านล่างนี้ครับ
ในบรรดาหน่วยงานไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 9 หน่วยงาน หน่วยงานที่ทำหน้าที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีภารกิจที่สำคัญคือการถวายความปลอดภัย รวมถึงอำนวยความยุติธรรมและบริการประชาชน
สำหรับงบประมาณที่ต้องพูดถึงคือ งบค่าเช่ายานพาหนะที่มีสาระสำคัญ 2 ส่วน
1. รถในโครงการถวายความปลอดภัยพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ หรือรถยนต์ในขบวนเสด็จ
ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนรถที่ใช้ในขบวนเสด็จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มเป็นเท่าตัวในปี 2563 จนในปี 2566 มีรถที่ใช้ในขบวนเสด็จสูงถึง 350 คัน ทั้งๆที่แต่เดิมรถเพียง 122 คัน สามารถถวายความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมพระเกียรติ
หากอ้างว่าการมีรถเพิ่มขึ้นจะทำให้สามารถถวายความปลอดภัยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นคงจะไม่ได้ เพราะเมื่อปี 63 ซึ่งเป็นปีที่มีการเพิ่มจำนวนรถเป็นเท่าตัว ได้เกิดเหตุการณ์ที่รถยนต์พระที่นั่งเปลี่ยนเส้นทางและเคลื่อนเข้าไปในบริเวณที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลรวมตัวกันอยู่ก่อนหน้านั้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากเจ้าหน้าที่ จนเกิดการปะทะกัน และผ่านมาจนวันนี้เกือบ 2 ปีแล้ว เรายังไม่ได้รับคำตอบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงได้ตัดสินใจใช้เส้นทางนั้น
นั่นแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มจำนวนรถไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพในการถวายความปลอดภัยดีขึ้น
นอกจากนั้นยังมีเรื่องการจัดหมวดหมู่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลัวจะมีคนรู้ว่ารถในส่วนนี้เพิ่มขึ้นหรืออย่างไร ถึงได้มีการนำเอางบส่วนนี้ไปสอดไส้อยู่ในโครงการบริการประชาชน ทั้งๆที่แต่เดิมก่อนปี 2560 ท่านก็รวมอยู่ในหมวดหมู่การถวายความปลอดภัยทั้งหมด
การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้รถจำนวนมากและใช้งบในการเช่ารถสูงถึง 323,937,400 บาท ค่าน้ำมันอีก 132,731,600 บาท ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ฟุ่มเฟือย ใช้เงินภาษีโดยเปล่าประโยชน์และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ไม่สอดคล้องกับพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงมีพระราชดำรัสมาตลอดตั้งแต่ปี 2544 ว่า ทรงไม่ประสงค์ให้ประชาชนเดือดร้อนจากการเสด็จพระราชดำเนิน
แต่ผู้ปฏิบัติงานต่างหากที่ไม่กล้าทำตาม
คนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการขบวนเสด็จของสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งปิดถนนและใช้รถนำขบวนที่มากเกินความจำเป็นจนกีดขวางทางจราจร ทำให้คนไปสอบไม่ทันจนต้องดรอปเรียน มีรถพยาบาลที่ไม่สามารถเข้าช่วยผู้ป่วยได้ทันท่วงทีสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและสร้างไม่พอใจแก่ประชาชน จนเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างในสังคมออนไลน์ ในทวิตเตอร์เกิดปรากฏการณ์ประชาชนพร้อมใจกันติด #ขบวนเสด็จ จนขึ้นเทรนอันดับหนึ่ง เมื่อประชาชนไม่พอใจ เขาไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง แต่วิพากษ์วิจารณ์ไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อเกิดการวิพากษ์วิจารณ์แทนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเร่งปรับปรุงกลับเติมเชื้อไฟโดยการปิดปากประชาชนด้วยมาตรา 112 จับกุมนักเคลื่อนไหวซึ่งออกมาทำโพลตั้งคำถามถึงขบวนเสด็จ ทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้นมีแค่กระดาษ 1 แผ่นและสติ๊กเกอร์เท่านั้น
การที่ท่านจับกุมผู้ชุมนุมอย่างแข็งขันและป้ายสีพวกเขาว่าทำให้สถาบันเสื่อมเสีย ผมอยากให้ท่านคิดดูอีกครั้งว่าคนที่ทำให้สถาบันเสื่อมเสียคือพวกเขาเหล่านั้นหรือท่านกันแน่
2. ค่าเช่ารถในโครงการบังคับใช้กฎหมาย อำนวยความยุติธรรมและบริการประชาชน เอกสารงบประมาณระบุว่าจำนวนรถที่ใช้ดูแลประชาชนมี 9,517 คัน ต่อประชาชน 66 ล้านคน เฉลี่ยแล้วรถหนึ่งคันต้องใช้ดูแลประชาชนถึง 6,947 คน
ในจำนวนนี้ยังมีรายการค่าเช่ารถตู้โดยสารพร้อมอุปกรณ์เพื่อใช้ในภารกิจงานด้านต่างๆ และงานควบคุมฝูงชนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง จำนวน 1,447 คัน ค่าเช่ารถบรรทุกขนาด 1 ตันพร้อมอุปกรณ์เพื่อใช้บรรทุกผู้ต้องหา ตรวจสถานที่เกิดเหตุและการควบคุมฝูงชนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง อีกจำนวน 1,482 คัน รวมเป็น 2,929 คัน ใช้งบเกือบ 1,000 ล้าน รถเหล่านี้ไม่ได้ใช้อำนวยความยุติธรรมและบริการประชาชน แต่ใช้เพื่อลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบและปราศอาวุธ หลายครั้งที่เราเห็นภาพการสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เต็มไปด้วยความรุนแรงไม่เป็นไปตามหลักการสากล ถ้าเราหักรถจำนวนนี้ออกไป เท่ากับรถ 1 คันต้องดูแลประชาชนถึง 10,035 คน
ผมจึงไม่สามารถปล่อยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำงบประมาณไปใช้กับรถในขบวนเสด็จที่มากเกินความจำเป็น และใช้ไปลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชนได้ จึงเป็นเหตุผลที่ผมขอปรับลดงบประมาณของ หน่วยงานไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำนวน 10 %
.....
งบราชการลับ
เตอร์ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ - Nateepat Kulsetthasith
August 18
"งบราชการลับนี้มีอยู่ในหลายหน่วยงานและมานานมากแล้ว แต่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกลับการทำงานที่ยิ่งทำต้องยิ่งโปร่งใส แต่ สำหรับงบราชการลับแล้ว ยิ่งนานยิ่งตรวจสอบไม่ได้ ยิ่งนานยิ่งเพิ่ม และที่เพิ่มไม่ใช่แค่จำนวนเงิน แต่หน่วยงานก็เพิ่มด้วย
ถ้าเราไปดูจำนวนหน่วยงานที่ตั้งงบราชการลับในสำนักนายกรัฐมนตรีจะเห็นได้เลยว่า จำนวนหน่วยงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงบางหน่วยงาน เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมจัดหางาน หน่วยงานพวกนี้ต้องมีงบลับด้วยเหรอครับ นี่เรากำลังทำให้งบที่ตรวจสอบไม่ได้มีมากเกินความจำเป็นหรือเปล่า
ในทางกลับกันถ้าเราไปดูต่างประเทศจะเห็นว่ามีการใช้งบในลักษณะนี้เหมือนกัน แต่ในต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะทำให้งบลับนี้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ในสหรัฐอเมริกามีการตรวจสอบถ่วงดุลงบราชการลับ โดยการตั้งกรรมาธิการที่เรียกว่ากรรมาธิการความมั่นคงในสภาคองเกรต มาทำหน้าที่ในการตรวจสอบงบลับโดยเฉพาะ แต่ในไทยงบส่วนนี้ยังคงไม่มีมาตราการการตรวจสอบใดที่มีประสิทธิภาพ"
บางส่วนจากการอภิปราย #งบประมาณปี66 ประเด็นกระทรวงกลาโหมมีงบประมาณหนึ่งซึ่งเรียกว่างบราชการลับ
งบราชการลับนี้มีอยู่ในหลายหน่วยงานด้วยกันครับ แต่กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณส่วนนี้ไปมากที่สุด โดยได้รับไปในจำนวนถึง 469,955,000 บาท และแน่นอนครับว่างบส่วนนี้ไม่มีใครทราบได้เลยว่าถูกนำไปใช้จ่ายอะไร ยังไงบ้างตามที่ชื่อมันบอกไว้
ชมการอภิปรายได้ที่นี่ครับ https://youtu.be/gckAVlvk5KY
เตอร์ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ - Nateepat Kulsetthasith
August 18
"งบราชการลับนี้มีอยู่ในหลายหน่วยงานและมานานมากแล้ว แต่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกลับการทำงานที่ยิ่งทำต้องยิ่งโปร่งใส แต่ สำหรับงบราชการลับแล้ว ยิ่งนานยิ่งตรวจสอบไม่ได้ ยิ่งนานยิ่งเพิ่ม และที่เพิ่มไม่ใช่แค่จำนวนเงิน แต่หน่วยงานก็เพิ่มด้วย
ถ้าเราไปดูจำนวนหน่วยงานที่ตั้งงบราชการลับในสำนักนายกรัฐมนตรีจะเห็นได้เลยว่า จำนวนหน่วยงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงบางหน่วยงาน เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมจัดหางาน หน่วยงานพวกนี้ต้องมีงบลับด้วยเหรอครับ นี่เรากำลังทำให้งบที่ตรวจสอบไม่ได้มีมากเกินความจำเป็นหรือเปล่า
ในทางกลับกันถ้าเราไปดูต่างประเทศจะเห็นว่ามีการใช้งบในลักษณะนี้เหมือนกัน แต่ในต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะทำให้งบลับนี้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ในสหรัฐอเมริกามีการตรวจสอบถ่วงดุลงบราชการลับ โดยการตั้งกรรมาธิการที่เรียกว่ากรรมาธิการความมั่นคงในสภาคองเกรต มาทำหน้าที่ในการตรวจสอบงบลับโดยเฉพาะ แต่ในไทยงบส่วนนี้ยังคงไม่มีมาตราการการตรวจสอบใดที่มีประสิทธิภาพ"
บางส่วนจากการอภิปราย #งบประมาณปี66 ประเด็นกระทรวงกลาโหมมีงบประมาณหนึ่งซึ่งเรียกว่างบราชการลับ
งบราชการลับนี้มีอยู่ในหลายหน่วยงานด้วยกันครับ แต่กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณส่วนนี้ไปมากที่สุด โดยได้รับไปในจำนวนถึง 469,955,000 บาท และแน่นอนครับว่างบส่วนนี้ไม่มีใครทราบได้เลยว่าถูกนำไปใช้จ่ายอะไร ยังไงบ้างตามที่ชื่อมันบอกไว้
ชมการอภิปรายได้ที่นี่ครับ https://youtu.be/gckAVlvk5KY