กรุ่นมาหลายวันชาวบ้านจะนะต้านนิคมอุตสาหกรรม ยกกันมาชุมนุมใกล้ทำเนียบโดนตำรวจสลาย จับไปเกือบสี่สิบคนส่วนใหญ่ผู้หญิง ที่เหลือยังปักหลักกันต่อ เพราะรัฐบาลไม่ตอบให้หายข้องใจเรื่องหักหาญกับคนท้องที่ ขณะเอื้อประโยชน์นายทุนอุตสาหกรรม
ถึงวันนี้ (๑๒ ธันวา) การชุมนุมขยายวง เมื่อมีกลุ่ม ‘ราษฎรประสงค์’ รณรงค์กิจกรรม ‘๑๒.๑๒ ยกเลิก ๑๑๒’ อีกแห่งที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตั้งแต่บ่ายสี่โมงถึงสามทุ่ม มีประชาสัมพันธ์กันไว้แต่เนิ่นๆ ให้เตรียมเสื้อกันฝนและร่ม นอกจากเจลฆ่าเชื้อและหน้ากากอนามัย
ยังแนะให้นำสีแดง (ทุกรูปแบบ) และป้ายเขียนข้อความประท้วง ทั้งที่หมายกำหนดจะเป็นการปราศรัยถึงชาวเลวร้ายของกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เพิ่มเติมและอัพเดทจากการชุมนุมเมื่อวันที่ ๗ ธันวา เชื่อว่าจะเต็มไปด้วยความคึกคักไม่น้อยกว่าอีกฝั่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
ซึ่งตั้งแต่เช้า บริเวณเส้นทางสัญจรต่างๆ รายรอบทำเนียบรัฐบาล ถูกทางการสั่งปิดกั้นการจราจร ด้านถนนพิษณุโลก แยกสะพานชมัยมรุเชษฐ์ สะพานอรทัย และแยกสวนมิสกวัน เปิดแต่แยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อรับมือการชุมนุมสนับสนุนชาวบ้านจะนะ
“หลายเครือข่ายทยอยเดินทางถึงหน้าองค์การสหประชาชาติ เพื่อสมทบกับกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น” รวมทั้งสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ที่ประกาศเข้าร่วมเครือข่ายชุมชนจะนะรักษ์ถิ่น คัดค้านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ในวันพรุ่งนี้ (๑๓ ธันวา)
วันเดียวกันนี้ เอกชัย หงส์กังวาน แจ้งว่าจะมีการพิจารณาคดีม็อบห้อมล้อมขบวนเสด็จราชินี โดนข้อหาประทุษร้ายทางจิตใจสมเด็จนุ้ย ที่หลายๆ คนคิดถึง เมื่อ ‘เจ๊เล้ง ดอนเมือง’ เกิดของขึ้นบริภาษณ์พวกแอร์โฮสเตสและสจ๊วทว่าเป็นแค่พนักงานบริการบนฟ้า
“อัยการ/ทนายความฝ่ายผมจะต้องนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี” ซึ่ง “การขอศาลออกหมายเรียกคนในรถยังคงไม่ตกผลึก” และน่าที่จะศาลไม่ยอมให้ เพราะเป็นการเรียกราชินีไปให้ปากคำ “เนื่องจากหลายคนเกรงจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี”
แม้นว่า “ต้นเดือนที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลพยายามเสนอญัตติเพื่อให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาข้อเท็จจริงในข้อบกพร่องการกำหนดเส้นทางเสด็จฯ” แต่เสียงข้างมากท่วมท้น (รวมทั้งฝ่ายค้านด้วยกัน) เตะตัดขาญัตติคว่ำไปแต่ต้น
ทว่าคำปรารภของเอกชัย ว่า “อย่างไรก็ตามผมยังคงยืนยันเหตุการณ์ในวันดังกล่าวเป็นการวางยาของฝ่ายรัฐบาลเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม” ก็ยังฟังขึ้นในหมู่ประชากร ยิ่งกว่าการตีความกฎหมายด้วยศักดาอันวิเศษของ ตลก.
ฉะนั้นทั้งวันนี้และพรุ่งนี้จะเป็นภาพสะท้อน แห่งการเรียกร้องต้องการของประชาชนในยุคนี้ อย่างไม่มีครั้งไหนคึกคักเท่า แม้นว่าจะมีการจัดฉากใช้คนหยิบมือออกมาร่วมม็อบสนับสนุนการใช้ ม.๑๑๒ ต่อไป ก็ไม่ได้ทำให้กระแสกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงผ่อนคลายลง
คำปราศรัยของ ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์@Attaponbuapat ตอนหนึ่งตอบโจทย์ประเด็น #ยกเลิก112 เวลานี้ได้อย่างดี จากข้อกังขาที่เกิดขึ้นประปราย “หลายคนอาจคิดว่า เสียดายถ้าเราไม่พูดเรื่องปัญหาสถาบัน ป่านนี้ประยุทธ์มันคงไปแล้ว”
หามิได้ “ถ้าประยุทธ์ไปแล้ว แต่อีกสิบปีข้างหน้าปัญหาทุกอย่างยังวนกลับมาเป็นละครเรื่องเดิม เราอาจจะเสียดายกว่า (เมื่อจะต้องไปพูดคำนี้อีกว่า) เสียดายสิบปีที่แล้วเราไม่เริ่มพูดเรื่องปัญหาสถาบันตั้งแต่ตอนนั้น” ก็ได้
(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1614909385590523&id=100012144304366, https://www.thairath.co.th/news/politic/2263142 และ https://twitter.com/ThaiPBSNews/status/1469865427765383168)