เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชนแถลงผ่านเฟชบุ๊คว่า “ต้องทำการปรับความสัมพันธ์ของสถาบันกษัตริย์กับประชาชนให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเดียวกัน” จึงสนับสนุนให้ยกเลิก “ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่จะปูทางไปสู่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม”
ด้านพรรคก้าวไกล กับพรรคเสรีรวมไทย จัดอยู่ในฝ่ายต้องการแก้ ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น มีจุดยืนเรื่องนี้เป็นสามง่าม ตามการแสดงความเห็นของ ‘สองหมอ’ กับหนึ่ง ‘อภิมหา’ ถ้าจะชี้ว่าบิดาของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อยู่ในระดับนั้นของพรรค
ในเมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม บอกแล้วว่าพ่อเป็นที่ปรึกษาของเธออีกที แต่ผู้เป็นบิดาได้ออกมาแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรบนหน้าเฟชบุ๊คแล้วว่า “ไม่เลิก ไม่แก้” อ้างว่ากฎหมายดีอยู่แล้วในตัวของมัน
หมอหนึ่งซึ่งเพิ่งได้ตำแหน่ง ‘หัวหน้าพรรค’ หมาดๆ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พูดที่รัฐสภาวานนี้ (๓ พ.ย.) “ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน...จะไม่เป็นตัวตั้งตัวตีในการล่าชื่อหรือผลักดัน” การแก้ไข “แต่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานนำปัญหาเข้ามาคุยในสภาเท่านั้น”
แต่ก็ไม่ห้ามหรือขัดขวาง (เขาใช้คำว่า ‘ตัดสิทธิ’) “พรรคไหนหรือสมาชิกท่านใดจะนำเสนอขอแก้ไข เพราะไม่อยากให้นำปัญหาไปแก้กันบนถนนนอกสภา” คือจะ “เน้นเวทีรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหา” อันเกิดจากการบังคับใช้มาตรานี้ “จะรับทุกความเห็นเข้าสู่สภา”
อีกหมอ หมาดๆ เหมือนกันในตำแหน่ง ‘ผู้อำนวยการพรรค’ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แถลงล่าสุดผ่านบัญชีทวิตเตอร์พรรคเพื่อไทย ย้ำในข้อเสนอของกลุ่ม แคร์ และแถลงของประธานยุทธศาสตร์พรรค ชัยเกษม นิติศิริ ว่าต้องเอาปัญหาการใช้ ม.๑๑๒ และ ม.๑๑๖ ไปพูดในสภา
“รัฐสภาจึงควรทำหน้าที่เพื่อตรวจสอบการใช้ข้อกฎหมาย” จากการที่มีประชาชนจำนวนมากถูกฟ้องร้องด้วยมาตราทั้งสอง “หากประชาชนไม่ได้กระทำผิดเข้าข่ายที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถูกคุมขัง ก็ต้องได้รับสิทธิในการประกันตัว”
สำหรับพรรคเสรีรวมไทย ทำไมต้องการแก้ไข ในเมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ย้ำว่าตนเองได้ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา “ฉะนั้นการแสดงความคิดเห็นจะต้องออกมาในรูปแบบของการปกป้องสถาบัน” ดังนั้นขอแสดงความเห็นเป็นกลางๆ
“โดยจะมีการแก้มาตรา ๑๑๒ แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ แยกดูหมิ่น หมิ่นประมาท ออกมาจากการอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มาเป็นมาตรา ๑๑๒/๑ คือ ผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ต้องระวางโทษจำคุก แต่ต้องลดโทษจำคุก”
คือลดโทษจำคุกลงมาหน่อย จาก ๓-๑๕ ปีเป็น ๒-๕ ปี ทั้งนี้เพราะคิดว่า “มาตรา ๑๑๒ ไม่ใช่ความผิดของตัวบทกฎหมาย แต่ผิดที่คนนำไปใช้ อ้างว่าจงรักภักดี แต่ความจริงต้องการก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการ” ป๋าเสรีต่างกับลุงโทนี่ก็ตรงนี้
ป๋าให้ลดโทษ แต่ลุงให้ไปเจรจากับเด็กแทนการฟ้องร้องเอาผิดแล้วส่งขังคุก แต่การลดโทษของป๋าก็ยังมากกว่าของพรรคก้าวไกล ที่กำหนดโทษจำคุกด้วย ม.๑๑๒ ไว้ไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับ ๓ แสนบาท “สำหรับการกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์”
ลงรายละเอียดข้อเสนอแก้ไข ม.๑๑๒ ของก้าวไกล ให้โทษจำคุก “สำหรับการกระทำความผิดต่อพระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์...เหลือไม่เกิน ๖ เดือน หรือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำและปรับ”
และ “เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต จากเดิมประชาชนทั่วไปสามารถฟ้องร้องคดีนี้ได้ แก้ไขให้เฉพาะสำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์” และถือเป็นความผิดยอมความได้
แล้วยังมีบท ‘ยกเว้นความผิด’ ถ้า “เป็นการติชม แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต...เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ‘ยกเว้นโทษ’ หากพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นความผิดนั้นเป็นความจริง แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์เรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์”
ทั้งหลายเหล่านั้นคือหนทางรัฐสภาในการแก้ปัญหา การใช้กฎหมายห้ามหมิ่นกษัตริย์กลั่นแกล้ง ข่มเหง และทำร้าย เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องความโปร่งใสในภาครัฐ เสรีภาพส่วนตนในการแสวงความสุขในชีวิตและแสดงความคิดเห็น
แต่ว่า เปิดสภาวันนี้ “#ประชุมสภาวันแรก สภาล่ม” เสียนี่ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกลรายงาน “รัฐบาลมาไม่ครบองค์ ปิดสภาแล้วจ้า...อาจเกิดจากสภาวะ ‘สุญญากาศในสภา...ที่ขาดประธานวิปรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมเสียง”
(https://www.facebook.com/100011953154616/posts/1175329502875477/, https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/428414352123924, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2890789054547301, https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1752899955079275, https://twitter.com/PheuThaiParty/status/1455865159805587459 และ https://www.voicetv.co.th/read/6UdQYAPUu)
