Charnvit Kasetsiri
November 3 at 11:34 PM ·
A letter to Penguin with proud, sadness and shame
เขียนบนแผ่นดินของคนไทย
1 พฤศจิกายน 2564/2021
จดหมายถึงเพนกวิน รุ้ง และมิตรสหายที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เพื่อนิติธรรมและเพื่อนิติรัฐ
ผมเขียนจดหมายนี้มาด้วยความรู้สึกระคนกัน
ด้านหนึ่งก็ด้วยความภาคภูมิใจ
แต่อีกด้านหนึ่งก็ด้วยความเศร้าใจ และความละอายแก่ใจ
(หนึ่ง)
ที่ภาคภูมิใจ ก็คือผมไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นคนรุ่นใหม่ ๆ อย่างรุ่นของคุณ
จะกล้าหาญชาญชัย ที่จะก้าวออกมา เรียกร้องและแสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้า ที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงในการที่จะดำรงไว้และการใช้กฎหมาย ม. 112 อย่างชนิดที่ผิดต่อหลักการของนิติธรรมและของนิติรัฐ
ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นในช่วงระยะเวลาของชีวิตอันเหลืออยู่น้อยลง ๆ ทุกวัน แต่ก็ได้เห็นแล้วว่าคนรุ่นของคุณ ได้สืบทอดมรดกของความกล้าหาญและจิตใจอันแน่วแน่ ที่จะเจริญรอยตามต่อจากบรรพชนทั้งรุ่น ร.ศ. 130
และรุ่น พ.ศ. 2475
กับรุ่นของตุลา/ตุลา 2516-19 รุ่นของพฤษภา/พฤษภา 2535-53
(สอง)
แต่ที่เศร้าใจและละอายใจ
ก็คือการที่ทั้งตัวบุคคลและทั้งสถาบัน
กับทั้งเครือข่ายของรัฐข้าราชการทหาร/ตำรวจ/ตุลาการ
ที่กุมอำนาจรัฐไทยอยู่ในขณะนี้
กระทำการทั้งปราบปราม ทำร้ายและทำลายชีวิตพวกคุณอย่างไร้มนุษยธรรม
มีทั้งจับกุมคุมขัง (คุก) พวกคุณ กระทำการดำเนินคดีความ
โดยไม่ยึดถือตามหลักการณ์ของนิติธรรม และหรือนิติรัฐแต่อย่างใด
ผมเศร้าใจและละอายใจ ที่บุคคลและหรือตัวแทนของสถาบันเหล่านี้
ส่วนใหญ่ก็เรียนจบไปจากมหาวิทยาลัย
ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เล่าเรียนกันของบรรดาพวกเรากันเอง
ผมทั้งละอายใจ และขายหน้า
ที่บุคคลที่ได้รับการศึกษาสูงเช่นนี้
สามารถจะกระทำการที่ต่ำช้า
และขัดต่อจิตวิญญาณประชาธิปไตย
ขัดกับหลักการทางวิชาการนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ได้ถึงเพียงนี้
(สาม)
ผมเชื่อว่าจากการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของการดำรงอยู่
และ/หรือการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ทั่วโลก
ไม่ว่าจะในเอเชียหรือยุโรป เช่นในสหราชอาณาจักร
หรือในฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย/ฮังการี อิตาลี
และแม้แต่จักรวรรดิออตโตมัน กับในจีนและในญี่ปุ่นนั้น
มีข้อสรุปเพียงสั้น ๆ อยู่ที่ว่า
หากมี “การปฏิรูป” ก็อยู่รอด
แต่หากขัดขืนดำเนินไปแบบเดิม ๆ
หรือ แบบทั้งรุนแรงทั้งร้ายแรง
ก็จะหลีกเลี่ยง “การปฏิวัติ” ที่นองเลือดไปไม่ได้
ครับ
วิชาประวัติศาสตร์ที่ผมเล่าเรียนมา
ไม่ได้สอนผมและ/หรือพวกเราว่า
“ประเทศไทย” ของเราจะเป็นข้อยกเว้น
และไม่เหมือนใครในโลกใบนี้
ผมอยากจะเชื่อว่า “ความเปลี่ยนแปลง”
หรือ CHANGE ครั้งใหญ่มาถึงประเทศไทยของเราแล้ว
ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและตัวสถาบัน
กับทั้งเครือข่ายของรัฐข้าราชการทหาร/ตำรวจ/ตุลาการ
ที่กุมอำนาจรัฐไทยอยู่ในเวลานี้
จะบริหารและจัดการด้วยกฎด้วยเกณฑ์
ด้วยนิติธรรม ด้วยนิติรัฐ ด้วยสันติประชาธรรม
แทน “กฎของกู/ตัวกู” หรือไม่/เพียงใด เท่านั้นเอง
เวลาและประวัติศาสตร์ จะบอกให้เรารู้ในไม่ช้าไม่นานนี้
ผมขออวยพรให้เพนกวิน และมิตรสหาย
จงปลอดภัยจากโรคห่ามารร้ายโควิด
ปลอดภัยจากการเมืองทรามของ
“คน (ไม่) ดี”
good luck and stay safe
ด้วยความชื่นชม
และนับถือในน้ำใจและความกล้าหาญ
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
ข้าราชการบำนาญ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์