ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15h ·
++ “เราจะโอบอุ้มเด็กๆให้เดินไปสู่จุดที่เขาก็ต้องการได้อย่างไร โดยเขาไม่บอบช้ำ” เสียงจากแม่สายน้ำ เยาวชนคนที่ 2 ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นกษัตริย์++
.
ปัจจุบันศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีสถิติเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองกว่า 163 คดีในจำนวนนี้ถูกดำเนินคดี ‘หมิ่นกษัตริย์’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 12 คน ก่อนหน้านี้ เพชร ธนกร เป็นเยาวชนคนแรกที่ถูกสั่งฟ้องในข้อหาหมิ่นกษัตริย์ จากการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ6ธันวา บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช
.
ขณะที่เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา “สายน้ำ” (สงวนชื่อและนามสกุล) เพิ่งกลายเป็นเยาวชนคนที่สองซึ่งถูกอัยการฟ้องในข้อหานี้จากการแต่งเสื้อครอปท็อป (เสื้อกล้ามเอวลอย) เข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์ และเขียนข้อความบนร่างกาย ในการชุมนุม #ภาษีกู เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณด้านหน้าของวัดแขกบนถนนสีลม และคดีจากเหตุแปะกระดาษ-พ่นสีสเปรย์บนรูปรัชกาลที่ 10 จากเหตุชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564
.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชวนอ่าน ถ้อยคำของ “แม่สายน้ำ” กล่าวถึงความฝัน ความกังวล และทางแก้ปัญหาเยาวชนกับการถูกดำเนินคดีทางการเมือง ในฐานะผู้เฝ้าดูความเป็นไปตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สายน้ำถูกดำเนินคดีทางการเมือง
.
>> สายน้ำในสายตาแม่
.
เขาเป็นคนร่าเริง ชอบพูดชอบคุย อยากเห็นความถูกต้อง อยากเห็นความเป็นธรรมในสังคม เขาเป็นคนที่มีจิตอาสาในการช่วยเหลือคนอื่น เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาได้กระโดดเข้ามาตรงนี้ เพียงแต่ว่า ต้องบอกว่าวิธีการบางอย่าง การกระทำบางอย่างมันอาจไม่ถูกใจ ไม่ถูกจริตของบางคน แต่นั้นก็คืออย่าลืมว่า ด้วยวันนั้นเขาอายุแค่ 16 เอง บางทีถ้ามันอาจมีความผิดพลาดใดๆ บ้าง มันก็เป็นเรื่องที่ควรจะพูดคุย ควรจะต้องมา ถึงได้กลับไปพูดที่เดิมว่า เราต้องคุย เราต้องรับฟัง
.
>> ความฝันที่ยิ่งใหญ่ของสายน้ำ การได้ไป ASF
.
น้องเองอาจจะไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่งมาก แต่เดิมน้องก็เรียนอยู่ในโรงเรียนสาธิต โปรแกรม EP ผลการเรียนปานกลาง เป็นเด็กชอบทำกิจกรรม เป็นนักวิ่งของโรงเรียน ปีก่อนที่น้องจะออกจากโรงเรียนตอน ม.4 น้องสอบโครงการแลกเปลี่ยน AFS ไปต่างประเทศได้ แต่บังเอิญว่าติดโควิดก็เลื่อนมาอีกปีนึง ถ้าพูดจริงๆ ว่าเด็กที่เรียน EP ส่วนใหญ่ พอถึงจังหวะนึงก็จะไปสอบตามโครงการต่างๆ เพียงแต่ว่า ASF ก็เป็นโครงการที่ได้รับความเชื่อถือมานาน
เขาแฮปปี้มากเพราะเขาจะได้ไปเดนมาร์กและมันเป็นการเรียนแบบที่มีกิจกรรมทำ ไม่ได้เรียนไปเลยอะไรแบบนี้ แล้วก็ไปอยู่หอพักปีนึง ก็คงเป็นความฝันที่เขาก็อยากไป แต่ถ้าถามว่าในอนาคตอยากทำอะไร เขาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ แต่ก่อนเองเขาอยากเรียนนิติศาสตร์ อยากเป็นทนาย ต่อมาอยากเรียนรัฐศาสตร์ ตอนนี้เหมือนกับว่าอยากเรียนไปทางสังคมวิทยาเพื่อมาเป็น NGO เท่าที่คุยตอนนี้คืออยากทำงานทางด้าน NGO เพื่อช่วยเหลือคน เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองได้รับผลกระทบเยอะ เค้าก็เลยอยากจะช่วยคน ซึ่งแม่ก็โอเค เขาก็รู้สึกว่าเขาได้เห็นเคสพวกนี้ อย่างเราก็ยังถือว่ายังไม่ได้ลำบากมาก แต่มันมีคนที่โดนและลำบากไงและเขาก็เห็น
ต้องบอกกว่าสายน้ำเองไม่เคยเห็นคนลำบากพวกนี้เท่าไหร่ หมายถึงว่า เขาอยู่ในโรงเรียนที่ลูกคุณหนู เขา Touch มาก เขาก็รู้สึกว่าอยากทำ NGO อยากทำอะไรแบบนี้ แล้วเขาก็เป็นคนที่มีจิตอาสาอยู่แล้วด้วย อย่างเวลาปิดเทอม แม่ก็จะเห็นเขาไปตามค่ายอาสาอะไรแบบนี้ ช่วยทาสีโรงเรียนนู่นนี่ แม่ว่าโดยใจเขาเป็นคนที่มีจิตอาสาอยู่ แต่ตรงนี้เราก็คือตะล่อมยังไงที่บอกว่าคุณก็ต้องมีจิตอาสาด้วยแล้วก็ถึงวันนึงที่พ่อแม่ไม่อยู่ ประกอบสัมมาอาชีพในการเลี้ยงตัวเองให้ได้ด้วยอะไรแบบนี้ ตรงนี้แม่เป็นห่วง
ยิ่งมาโดนคดีแบบนี้มันเหมือน เขาก็เหนื่อย บางทีเขาก็เหมือนทิ้งตัวไปเลย แม่ก็สังเกตว่าเขาอ้วนขึ้นเยอะมากตอนหลังนี้ เขากิน ซึ่งมันเป็นวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่ง เขากินจนแบบ ใครเจอก็บอกว่าเขาอ้วนน่าเกลียดมาก คือแม่รู้สึกว่าเด็กทุกคนมันมีความเครียดไง แล้วแต่ละคนมันจะระบายยังไง นี่คงจะระบายด้วยการกิน คือเขาอ้วนขึ้นแบบ 20 โลได้ แล้วจะต้องมีเด็กคนอื่นที่เจอแบบเดียวกัน เราคิดว่าเราพยายามซัพพอร์ตเขา อาจไม่ได้เข้าใจเขาในทุกมิตินะ แต่ถ้าไปเจอพ่อแม่ที่แบบไม่เข้าใจแล้วผลักลูกออก ซึ่งแม่เป็นห่วงมาก
.
>> ผลกระทบต่อชีวิตจากการถูกดำเนินคดี : เราไม่ทราบเลยว่าเรื่องมันจะไปจบตรงไหน
.
แม่มองเป็น 2 ส่วน ในส่วนของผลกระทบกับตัวสายน้ำเองกับอีกส่วนหนึ่งคือกับครอบครัว ผลกระทบกับสายน้ำเองแน่นอนทั้งร่างกายและทางด้านจิตใจของเขาที่มันต้องความวิตก ความกังวล เป็นทุกข์ ในการที่เขาจะทำอะไรต่อไป หรือบางคนอาจจะคิดว่าทำไมเด็ก ๆ กลุ่มนี้ไม่ไปเรียนหนังสือไปอะไร แต่สิ่งที่เขาได้รับมันเป็นผลกระทบ ทำให้เขาไม่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไร หรือว่าไม่มีพลังกาย พลังใจพอที่จะทำ
ทั้งเรื่องการเรียนทั้งเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการเรียนอย่างตอนนี้สายน้ำเองก็ออกจากการเรียนในโรงเรียนมา เขาก็ต้องมาเรียนในระบบการสอบเทียบ เพราะว่าอาจด้วยที่ว่า ความวิตกกังวลและความเหนื่อยในการที่จะต้องไปศาล ไปอัยการ ไปสถานีตำรวจ ซึ่งมันทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะไปเรียนได้เต็มที่
พอจะไปต่างประเทศก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น น้องก็ต้องลาออกจากโรงเรียน พอน้องออกจากโรงเรียนก็หมดสิทธิ์ที่จะไป ซึ่งตรงนี้แม่มองว่าลูกเองก็เสียอนาคตในส่วนที่จะไปเรียนรู้โลกภายนอก เมื่อเขาเรียนรู้และกลับมาที่จะทำอะไรให้กับประเทศได้อีกมากมายในอนาคต แล้วแม่ก็เชื่อว่าเด็กที่มาทำกิจกรรมทางการเมืองหลายๆคนในที่นี้เป็นเด็กที่มีความรู้ความสามารถ จะเป็นกำลังหลักของชาติในอนาคตทั้งนั้น มันน่าเสียดายมากนะคะ อันนี้พูดในเรื่องของความเสียโอกาส
ในเรื่องของจิตใจ นอกจากเรื่องที่ว่าเขาได้รับผลกระทบที่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าอนาคตเลยว่าเมื่อไหร่เขาจะโดนดำเนินคดี คดีจะไปถึงไหนอะไร แล้วยังมีเรื่องที่เขาต้องโดนตามจากบุคคลในเครื่องแบบ จะไปที่ไหนก็จะมีคนตามอยู่เป็นประจำ บางคนอาจจะบอกว่าเราคิดมากหรือเปล่า แต่หลายๆ ครั้งมันก็แสดงให้เห็นว่ามันมีคนติดตามเขาอยู่จริงๆ ช่วงที่เขาไปอยู่หอพัก เขาก็จะบอกว่าเขาเห็นมีมอเตอร์ไซต์วนอยู่ หรือว่าช่วงที่อยู่ที่บ้านจะเห็นมีคนเดินผ่าน มีคนอะไรแบบนี้ แม้กระทั่งเวลาที่สายน้ำไปทำกิจกรรมเราจะเห็นเลยว่าเหมือนมีคนมอง แอบถ่ายรูปเขาอยู่
มีเหตุการณ์ที่คนส่งรูปที่เขาไปทำกิจกรรมมาที่บ้าน ส่งจดหมายมาทางไปรษณีย์ ในนั้นมันจะเป็นรูปเขาแล้วก็บอกว่า เด็กเหี้ยอะไรแบบนี้ แล้วก็รู้ชื่อ รู้นามสกุล คือถ้าไม่ติดตาม คุณจะรู้ได้ไงว่าเขาอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ คือส่งมาแล้วเราก็เช็กกลับไป คือมันจะต้องมีหัวจดหมายใช่มั้ย จากนายอะไร ก็ประมาณ นายรักชาติ เชิดชูชาติ แขวงสวนดอกไม้อะไรแบบนี้ เป็นชื่อปลอม ทุกอย่างเป็นของปลอมค่ะ เราก็อยากจะเรียกว่าเป็นการคุกคามเราแบบหนึ่งอยู่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กใช่มั้ยคะ
.
>>เมื่อเด็กถูกดำเนินคดีจะส่งผลกระทบถึงทั้งครอบครัว
.
ในส่วนของครอบครัวเองแน่นอน คือลูกทุกข์ เราทุกข์ ก็คืออยากพูดถึงในกรณีทั่วๆ ไป ในส่วนของผู้ปกครองเอง นอกจากความวิตกกังวลที่ลูกหลานถูกดำเนินคดี มันก็ยังมีในเรื่องของการเสียเวลา และค่าใช้จ่ายต่างๆ การที่จะต้องเดินทางมาสถานีตำรวจ ศาล มาอัยการ ซึ่งตรงนี้ บางคนได้รับผลกระทบมากเนื่องจากว่าเขาทำงานอย่างเปิดร้านขายอาหาร หรือทำงานรับจ้างเป็นวันๆ ตรงนี้เขาก็จะต้องขาดรายได้ไปโดยที่ไม่สามารถจะมาชดเชยได้
แม่ว่า บางเรื่องไม่ทราบว่าในกระบวนการยุติธรรมสามารถทำให้มันกระชับขึ้นหรืออะไรขึ้นได้รึเปล่าด้วย แล้วโดยเฉพาะคดีที่เป็นคดีนโยบาย เราไม่ทราบเลยว่าเรื่องมันจะไปจบตรงไหน อย่างสมมติว่าถ้าเป็นคดีอาญา คดีแพ่งโดยทั่วไปเนี่ย เราพอจะรู้จากคำพิพากษาศาลฎีกาเก่าๆ มาว่าเป็นยังไง แต่เนื่องจากอันนี้เป็นคดีนโยบาย เราไม่รู้มันจะไปสิ้นสุดตรงไหน จะดำเนินการยังไงกับเด็กๆ แล้วมันก็ไม่เคยมีกรณีที่มีการดำเนินการกับเด็กเล็กๆ ที่อายุไม่ถึง 18 ในจำนวนที่มากมายขนาดนี้
ตรงนี้แม่ก็คงต้องฝากให้สังคมช่วยกันจับตาดูว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นต่อไป แล้วเรากำลังจะดูเด็กกลุ่มนี้ที่จะมาเป็นอนาคตของชาติ ที่จะมาขับเคลื่อนเป็นพลังให้กับประเทศชาติต่อไป ถ้าเราปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ ใครจะดูแลประเทศ
.
>>สิ่งที่พ่อแม่ทำได้เพื่อสนับสนุนเยาวชน
.
ส่วนตัวเองคิดว่า พ่อแม่ที่ได้ให้การสนับสนุนให้แนวทางเชิงแนะนำ หรือเป็นที่ปรึกษาของลูก ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่แม่ก็อยากจะเห็นความร่วมมือกันระหว่าง จะเป็นองค์กรเอกชนหรือสภาทนายหรือนักวิชาการ องค์กรสิทธิต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยแนะนำ ให้คำปรึกษา พูดคุยกับเด็กๆ ในแนวทางที่จะดำเนินต่อไปในการต่อสู้ที่จะทำให้บรรลุผล แต่เด็กๆ ไม่เจ็บช้ำมากจนเกินไป
แม่คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว แม่ดูจากในช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมามีเด็กๆ ถูกจับกุมมีมากขึ้นทุกวัน ทางคุณทนายเองก็ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมากๆ ไม่รวมแม้กระทั่งนักจิตบำบัดหรืออะไร คือเหนื่อยกันทุกคน คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยกันทุกคน คราวนี้มันถึงเชิงที่ว่า เราจะป้องกันเด็กๆ ของเรายังไง จะประคับประคองโอบอุ้มเด็กๆ ของเรายังไงให้เดินไปสู่จุดที่เขาก็ต้องการได้ แล้วเขาก็ไม่บอบช้ำ จนกระทั่งเขาไม่มีแรงที่จะต่อสู้ต่อไป
แม่ก็อยากฝากองค์กรที่เกี่ยวข้องที่พอจะเข้ามาช่วยทั้งในเรื่องของการให้ในเชิงของความคิด เป็นที่ปรึกษาให้กับเด็กๆ ด้วย อาจจะจัดกันเป็นวงเสวนาให้เด็กๆ มาพูดคุยกัน คือเราไม่ได้ไปชี้นำบังคับให้เด็กทำยังไง เพราะว่าเด็กทุกคนมีความคิดมีเหตุมีผลของเขาอยู่แล้ว แต่จะตบให้มันเข้ารูปเข้ารอยยังไงให้มันเดินไปด้วยกันโดยที่เด็กไม่บอบช้ำ ไม่เหนื่อยยาก ไม่มีใครต้องเจ็บปวดใช่มั้ยคะ อย่างที่มีเด็กคนนึงเสียไป เป็นเรื่องที่ไม่ควรเลย ถ้าเราได้มีการคุย กัน แล้วเด็กก็จะไปคิดเอง วิเคราะห์เองว่าจะทำประมาณไหน อย่างน้อยก็ควรจะมีได้พูดได้คุยกัน มันจะดีขึ้นกับทุกๆ ฝ่าย
.
>>เด็กแค่อยากได้สังคมดีๆ ที่เขาจะอยู่กันต่อไปในอนาคต ขอเพียงการรับฟังจากผู้ใหญ่
.
แม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการดำเนินคดีเยาวชนว่าต้องรับฟัง ไม่เช่นนั้นจะไม่เหลือเด็กที่อยากอยู่ในประเทศนี้
แม่ยังไม่อยากคิดไกลไปถึงการนิรโทษกรรม แม่ขอการรับฟังจากผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายมานั่งคุยกัน มานั่งฟังเขาบ้าง มารับฟังเด็กๆ บ้าง คุณอาจจะได้ยินจากในสื่อโซเชี่ยลหรือสื่อกระแสหลัก แต่คำพูดที่แบบรุนแรง ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าเวลาเขาจะตัดออกมาเป็นข่าวก็ต้องทำให้มันน่าสนใจ เพราะฉะนั้นเขาก็จะตัดแต่คำพูดที่มันรุนแรง หยาบคายบ้างอะไรบ้าง แต่อยากให้ผู้ใหญ่ได้มารับฟังสารจริงๆ ที่เด็กสื่อออกไป เขาต้องการอะไร
เขาไม่ได้ต้องการอะไรที่มากมาย เขาอยากได้สังคมดีๆ ที่เขาจะอยู่กันต่อไปในอนาคต ซึ่งแม่เชื่อว่าหากผู้ใหญ่ทุกคนรับฟังเขาอย่างเปิดใจอย่างเป็นธรรม จะเข้าใจเขา และก็อยากที่จะเข้ามามีส่วนร่วมที่จะช่วย เพราะว่าถ้าคุณบอกว่าคุณรักประเทศไทย คุณรักชาติกันจริงๆ คุณคงไม่อยากให้เด็กที่มีอนาคต เด็กที่เป็นกำลังหลักของชาติโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันหมด หรือไปอยู่ในคุกกันหมด เพราะตอนนี้มันก็มีกระแสว่าไม่อยู่ดีกว่า คนที่จะไปต่างประเทศได้ อย่างน้อยต้องมีการศึกษา มีอะไรที่ประเทศที่ 3 เขาจะยอมรับ แล้วประเทศจะเหลือใคร มันจะไม่เหลือใครเลย
.
อ่านในเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/37241