วันศุกร์, สิงหาคม 06, 2564

คุกวังทวีวัฒนา? เรื่องเล่าจาก อ.สมศักดิ์ ซึ่งนำข้อความที่เอามาจาก "ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด" ใน Twitter

ภาพจาก Secret Siam พึงระวังริบบิ้นสีดำ

Somsak Jeamteerasakul
13h ·

คุกวังทวีวัฒนา?
นี่เป็นข้อความที่เอามาจาก "ฟ้าฝน ver. เกรี้ยวกราด" ใน Twitter อีกอันหนึ่ง เล่าถึง "คุกวังทวีวัฒนา" อันเป็นคุกส่วนตัวของวชิราลงกรณ์ ภายหลังได้ขยับขยายเป็นสถานที่ฝึกฝนข้าราชบริพาร
เช่นเดียวกับอันก่อน ผมไม่รับรองว่า ข้อความทั้งหมดเป็นจริง เอามาให้ทุกคนร่วมกันพิจารณา
.........................................
จะพูดเฉพาะเรื่องที่เห็นกับตา ประสบกับตัวเอง และที่ศึกษาเพิ่มเติมจากธรรมเนียมต่างๆภายในที่ได้จากการทำงาน อะไรที่เป็นข่าวลือ หรือเรื่องเล่าที่ไม่รู้ไม่เห็น จะไม่พูดถึงนะครับผม ส่วนเรื่องคุกวังทวีที่เคยไปอยู่มา เอาไว้เขียนให้อ่านทีหลัง แบบแชร์ประสบการณ์ต่างหาก
สิ่งแรกที่ถูกดำเนินการก่อนคือยึดมือถือ กระเป๋าตังค์ แล้วก็ปลดแพรแถบและเหรียญตราต่างๆของเครื่องแบบ เหลือแต่ชุดปกติขาวโล้นๆ และนั่งรออยู่ในวัดจนเสร็จพิธีการ ไม่ได้กินข้าว ได้กินแต่น้ำ หิวสัด พ่อแม่ครอบครัวก็ไม่มีโอกาสได้โทรบอก
แต่หลังจากที่ท่านเข้าประทับ สักพักเจ้าหน้าที่ 904 มาเรียกไปเฝ้าทั้งทีม โดนแดกหัวเรื่อง "แอร์เย็นไม่พอ" ย้ำอีกที "แอร์เย็นไม่พอ" และโดนกันไป "พวกมึงเอาไปคนละ 2 เส้น" เป็นอันว่า คืนนี้และอีก 3 เดือนหลังจากนี้ มึงไม่ได้กลับบ้านแล้ว
ประมาณ ตี 1 ก็มีรถมารับ ก่อนขึ้นรถเค้าล็อคกุญแจมือข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งล็อคมือของอีกคนหนึ่ง เป็นคู่ๆ แต่กลุ่มผมเหลือเศษสามคน ผมเลยโดนล็อค 2 ข้าง เพราะมีเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนอยู่สองข้าง บ้าบอชิบหาย กว่าจะออก กว่าจะถึงวังทวีฯ ล่อไปเกือบตี 3 กูจะบ้า
ไปถึงเจ้าหน้าที่ก็มารับเข้าตามขั้นตอน ให้ถอดเสื้อผ้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า แล้วก็สั่งให้ลุกนั่ง แล้วก็ให้เดินไปให้เจ้าหน้าที่โกนหัวทีละคน โกนหัวเสร็จก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนเอาสายยางฉีดล้างหัวให้ แต่ผมขออาบทั้งตัวเลย กูร้อนและเหนียวตัวมาก
หลังจากนั้นก็มาเข้าแถวใส่ตรวน เครื่องตีตรวนแม่งน่ากลัวชิบหาย กลัวมันพลาดหนีบขา แต่เจ้าหน้าที่เค้าชำนาญละ เลยใส่ไม่ยากหรอก เราแค่กลัวเฉยๆ พอใส่ครบทั้ง 11 คน ก็มายืนเรียงแถวหน้ากระดาน และเอาชุดมาให้ใส่ และมีการสอนเทคนิควิธีใส่กางเกงในขณะที่มีตรวนที่ขา มันไม่ง่ายนะ 555
พอทุกคนใส่กางเกงกันหมดแล้ว เค้าก็เอาถังสีให้คนละใบ ถือไปเข้าห้องขัง ถังนี้เอาไว้ขี้ไว้เยี่ยว ห้องขังจะเป็นห้องแยก ปิดทึบ มีช่องลมเล็กๆอยู่ด้านบนพอมีแสงลอด ประตูเป็นเหล็กทึบ มีช่องขนาดกว้างประมาณ 30 เซนต์อยู่ทางด้านล่างของประตู ช่องนี้เอาไว้ส่งข้าวส่งน้ำ
เรายู่ในนั้น มืดๆ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน กิจวัตรประจำวันคือกินแล้วก็นอน ถึงเวลาเค้าจะเอาชามข้าวมาส่งให้ลอดผ่านช่องเล็กๆที่ประตู ปวกขี้ปวดเยี่ยวก็ขี้เยี่ยวใส่ถังสีนั้นแหละ และก็นอนอยู่กับมัน เวลาคุยกับเพื่อนๆก็คุยกันข้ามห้อง ได้ยินอยู่แต่ไม่เห็นหน้ากันเท่านั้นเอง
เค้าจะอนุญาตให้เราออกไปอาบน้ำทุกๆ 2 วัน โดยเอาถังขี้ส่วนตัวไปเทด้วย แล้วก็ล้างทำความสะอาด แก้ผ้าอาบน้ำแปรงฟันสระผมให้เต็มที่ เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ได้ออกจากห้องมืด และที่สำคัญ แม่งต้องขัดตรวน เพราะมันเป็นสนิมทุกทีที่ออกจากห้องมืด ไอ้ตรวนเวรตะไลนี่ภาระชิบหาย
กิจวัตรประจำวันจะวนลูปอย่างนี้อยู่ 1 เดือน ถึงจะครบกำหนดออกมาสู่ช่วงฝึก อย่าเรียกว่าฝึกเหอะอีห่า เรียกว่าซ้อมทรมาน วันที่ได้ออกมาจากห้องมืดและถอดตรวนนะ ดีใจแทบตาย แต่พอได้มาฝึก อิดอกกูอยากกลับไปนอนแดกในห้องมืดเหมือนเดิม ควยเหอะ
แม่งการฝึกของมันคือเหี้ยมาก สารพัดจะสร้างสรรค์ให้ทำอะไรอุบาทว์ๆ เหนื่อย ทรมานร่างกาย ตื่นตั้งแต่ตี 4 แล้วก็เข้าแถวเช็คยอด เสร็จแล้วก็ฝึกด้วยการวิ่งบ้าง ดันพื้นบ้าง ลุกนั่งบ้าง ต่อเนื่องไปจนถึง 8 โมงเช้า เคารพธงชาติ สวดมนต์ ร้องเพลงสดุดีจอมราชา แล้วให้ไปกินข้าว
กินข้าวเสร็จก็ฝึกต่อ แดดจะออก ฝนจะตก กูไม่สน มีอยู่วันนึงฝนตก รองเท้าผ้าใบที่ใส่เปียก มันให้เตะกำแพงจนกว่ารองเท้าจะแห้ง ไอ้สัด ตีนกูพังหมด เจ็บแทบเดินไม่ได้ การลงโทษต่างๆภายในจะเป็นการลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีเป็นหลัก นอกนั้นก็ทรมานตามแต่ที่มันจะคิดได้
สิ่งที่จะเอามาเฆี่ยนตีมี 2 อย่าง คือไม้หวาย กับท่อเหล็กท่อนนึงที่เรียกกันว่าเหล็กก๊อง คือถ้าโดนหวายจะเจ็บแบบแสบๆ แต่ถ้าโดนเหล็กก๊องก็จะเจ็บแบบปวดระบม แต่ไม่ต้องร้อง ไอ้เหี้ยกูโดนทุกวัน เพราะแม่งหาเรื่องให้กูผิดทุกวัน ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอ่ะ
การทรมานร่างกายในช่วงนี้มีหลายแบบ เช่นจับใส่กระสอบแล้วโยนลงน้ำ เราก็ต้องดิ้นเอาชีวิตรอดขึ้นมาเอง บางทีให้แก้ผ้าแช่น้ำที่มีน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ จนกว่าน้ำแข็งจะละลายหมด บางทีก็ให้ลงบ่อขี้ หรือมุดท่อระบายน้ำ เพื่อห่าเหวอะไรไม่รู้ อีกหลายอย่างแต่ก็จะโดนซ้ำไปซ้ำมาประมาณนี้แหละ
มีอยู่วันนึง ครูฝึกบอกว่าวันนี้หยุด ไม่ผึกวันนึง ให้อยู่เฉยๆ เราก็ดีใจกันใหญ่ แต่ที่ไหนได้ ให้อยู่เฉยๆด้วยการไปยืนบนเสาหลักปูนกลางแดด ให้ทรงตัวอยู่อย่างนั้นทั้งวัน ใครตกลงมาโดนฟาดด้วยเหล็กก๊อง ปวดเยี่ยวก็ไม่ให้ไป กูก็เยี่ยวราดแม่งตรงนั้นแหละไอ้ชิบหาย
สิ่งที่ผมรู้สึกว่าโดนหนักที่สุดของผมคือ ผมโดนฟาดด้วยเหล็กก๊องโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ผมยืนฉี่ในบล็อค (ส้วมที่ก่อเป็นช่องๆ) เนื่องจากเค้าไม่ให้ยืนฉี่ แต่วันนั้นผมปวดขาเลยขี้เกียจนั่ง ความแรงของมันทำให้ตัวผมกระเด็นข้ามไป 3 บล็อค และหัวกระแทกขอบบล็อคจนหน้าผากแตก
การรักษาพยาบาลในนั้นคือมีห้องพยาบาลครับ แต่มึงรักษากันเอง ก็นักโทษด้วยกันนี้แหละ ทำแผลให้ เย็บแผลกันเอง เย็บสดด้วยไอ้เหี้ย เจ็บจนกูไร้ซึ่งความรู้สึก ห้องพยาบาลนี่เป็นที่ประจำ เข้าทุกวัน เพราะเจ็บทุกวัน ล้างแผลทุกวัน
ในช่วงฝึกจะได้นอนในโรงนอน ที่เป็นโรงนอนแบบมึงสร้างมาไม่ได้ functional กับการนอน เพราะอะไรรู้มะ พื้นกับเพดานห่างกันแค่เมตรเดียว เวลามึงเข้าโรงนอนคือมึงต้องนั่งแล้วกระดืบๆเข้าไปเพราะมึงยืนเดินไม่ได้ ในโรงนอนมีส้วมซึมอยู่มุมห้อง แต่ละวันจะยกถังน้ำเข้าไปวันละถัง
น้ำถังเดียว มันไม่พอ เลยมีข้อตกลงร่วมกันว่า น้ำเอาไว้ล้างตูดเท่านั้น ไม่งั้นไม่พอ เวลาขี้ก็ขี้ต่อยอดกันไป ตอนนั้นไม่ต้องคิดว่าเหม็น คือจมูกไม่ได้กลิ่นอะไรแล้ว นอนอยู่กับกองอาจมทุกวันจนกูชิน สัส ตอนเช้าค่อยราดทีเดียว
วันๆจะได้อาบน้ำแค่ตอนเย็น ก่อนเข้าเรือนนอน ก็แก้ผ้าอาบกันโล่งๆอย่างนั้นแหละ สุขอนามัยไม่ต้องพูดถึง น้ำที่อาบมึงสูบขึ้นมาจากคลองทวีวัฒนา ผ่านเครื่องกรองเก่าๆ แต่ก็ยังเหม็นอยู่ดี คืออาบเสร็จผมจะแอบเอาน้ำประปาจากก๊อกใส่ขวดน้ำ 1.5 ลิตร ไปราดตัวอีกที ไม่ไหวจะเหม็น
น้ำประปามีไว้ดื่มเท่านั้น ห้ามล้างมือ ล้างหน้า ซักล้างใดๆ คือจะใช้ต้องแอบเอาใส่ขวดไป แต่ถ้าผู้คุมเห็นก็เกม โดนไปกี่ไม้ก็ว่ากันไป แล้วแต่อารมณ์ผู้คุม นี่โดนบ่อยมาก เกมน้ำเนี่ย อิสัส
ช่วงเวลาฝึก หรือการทรมานนี่จะยาวเดือนกว่าๆ ทุกคนร่างกายระบม บาดแผลเต็มตัว บางคนเป็นหนอง นอนแมงวันตอม อนาถมาก ตัวดำไหม้เกรียมเท่ากันหมดเพราะตากแดด จนสองอาทิตย์สุดท้ายเป็นช่วงที่ไม่ฝึกแล้วแต่เป็นช่วงการฟื้นพูร่างกายที่ให้พวกกูทำงาน งานโยธาอ่ะมึง
วันที่จะได้ออก เป็นวันที่กูร้องไห้หนักมาก ร้องแบบกูก็ไม่เข้าใจว่าเกิดสภาวะอะไรขี้นกับกู ตอนที่มันให้กูกล่าวคำปฏิญาณว่าจะจงรักภักดี ในหัวใจมันประมวลทุกอย่างที่ผ่านมาแล้วมันเกิดเป็นความเจ็บแค้น กลับบ้านมากูซึมไปอยู่พักนึง กลับไปทำงานก็ทำไม่ได้ มีอาการแปลกๆจนหมอหลวงส่งตัวไปรักษา
หมอบอกว่า กูมีภาวะ PTSD (เป็นโรคทางจิตอย่างหนึ่ง) เค้าแนะนำให้กูลาออกจากงาน และรับการบำบัดรักษาอยู่ปีนึง ตอนนี้หายแล้ว ไม่มีอาการแล้ว แต่ยังต้องกินยาอยู่ประจำไปเรื่อยๆอยู่ ตามคำแนะนำของหมอ
ขอไม่พูดถึงเรื่องความรุนแรงที่ถึงแก่ชีวิตนะครับ คือมันมีแหละ ช่วงที่ผมไปอยู่มันมี 2 เคส เป็นทหารทั้ง 2 ศพ แต่เหตุการณ์และการจัดการมันเหี้ยมาก ไม่อยากเล่า เพราะมีผลกับสภาพจิตใจพอสมควรครับ
ประมาณนี้ครับ วันนี้ผ่านมาได้แล้วในจุดนั้น แต่ก็ยังมิวายที่จะถูกคุกคามอยู่ ตอนนี้ครอบครัวผมคุณพ่อเสียชีวิต คุณแม่ไปบวชชีโกนหัวอยู่วัดนานแล้ว ชีวิตผมตอนนี้เลยไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะมันได้ทำลายทุกสิ่งในชีวิตของผมไปหมดแล้วจริงๆ คนอื่นยอมรับชะตากรรมได้ แต่ผมสู้ มันเลยจัดหนัก
สิ่งเดียวที่จะทำต่อไป คือการเปิดโปงเรื่องราวและความชั่วช้าจัญไรของมันทั้งหมด ความลับที่ได้รู้ได้เห็นกับตา เพื่อเป็นเรื่องราวที่จะได้ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของยุคสมัย ที่เลือกจะออกมาพูดตอนนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะนี่คือเฮือกสุดท้ายของมันแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
ถ้ามึงยังมีแรงพอจะเล่นกูได้ มึงจัดมาเลย ความเกรี้ยวโกรธและความคับแค้นของกูมันมากพอที่จะยอมแลกด้วยชีวิต กูจะทำให้มึงคนบ้าในประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังจะได้รู้จักมึงในแบบที่มึงเป็นจริงๆ บรัยส์จ่ะ ไอ้เหี้ย
จบครับ