ทั้ง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล และนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก “ทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและสถานภาพของจิตอาสา ๙๐๔” จึง “มีคำสั่งให้เรียกคืนเครื่องแต่งกาย หมวก ผ้าพันคอ เครื่องหมายจิตอาสา ๙๐๔ (ปีกโลหะ ปีกผ้า) บัตรประจำตัวและประกาศนียบัตรด้วย”
ซ้ำคำของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูท่าหนักแน่น “กำจัดคนเลว ดำเนินคดี ผกก.โจ้ถึงที่สุด” แล้วก็ประกาศจะทำการ #ปฏิรูปตำรวจ ต่อไปไม่รีรอแล้วนะ แม้นว่าตั้งแต่ยึดอำนาจเข้ามาครองเมือง ๗ ปี ประกาศอย่างนี้มาแล้ว ๕ ครั้ง ยังไม่สำเร็จเสียที
ขอบคุณ iLaw ขุดเอามาให้ดูกันว่า “เป็นสิ่งหนึ่งที่คณะรัฐประหาร คสช. ประกาศให้ความสำคัญมาตลอด ภายใต้ยุครัฐบาลทหารก็ตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องมาเพื่อการปฏิรูปตำรวจถึงห้าชุด โดยคนคุ้นหน้าคุ้นตา” แล้วยังรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ก็
“ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ” เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม “โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับหน้าที่ อํานาจ และภารกิจของตํารวจให้เหมาะสม” ตอนนั้นบอกว่าต้องทำให้เสร็จภายใน ๑ ปีนับแต่เริ่มใช้รัฐธรรมนูญ
มีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษฯ เรียกว่า คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ถึงวันนี้สี่ปีกว่า ยังไม่เห็นอีกเช่นกันว่าได้ทำอะไรไปบ้าง นอกจาก ‘ผลผลิต’ เป็นรายงานปีละไม่ต่ำกว่า ๑ ฉบับ บางปีมีตั้งสี่ฉบับ ยกเว้นปีล่าสุด
เห็นมีแต่การเคลื่อนไหวเร่งรุดรวดเร็ว “โปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่ง พระราชทานยศพลตรี แก่นายทหาร ขรก.ในพระองค์ ๑๓ นาย ‘นถปภ.รอ.’ ‘ผู้การต้น- ผู้การอาร์ต- ผู้การหมู-เสธ.เห” ในหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
มาพร้อมๆ กับการ ‘เคาะโผ’ นายตำรวจ ๒๗๓ ตำแหน่ง ที่น่าสนใจ ๔ นายพลขึ้นแท่นตำแหน่งใหม่ ได้แก่ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล สุรเชษฐ์ หักพาล เป็น ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภาค ๕ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช เป็น ผบช.ก.”
พวกนี้ล้วนจิตอาสาพระราชทาน ติดปีที่อกทั้งนั้น ซ้ำยังมี ‘ออร่า’ กันไปคนละอย่าง ต่อศักดิ์เป็นน้องของสถิตพงษ์ ราชเลขาฯ สุรเชษฐ์ นี่ก็ผงาดกลับมาแดนสันติราษฎร์ สยบปากหอยปากปูเสียสนิท ปิยะ นั้นโด่งดังด้าน ‘ขวัญกระเจิง’ แก่ม็อบราษฎร
ถึงตรงนี้ต้องย้อนไปดู prequel ก่อนจะเป็นซีรี่ส์ผู้กำกับโจ้ ซึ่งจิรภพเป็นหนึ่งในมือปราบล่าหัว แต่ผู้ต้องหามอบตัวเสียก่อน มีเหตุการณ์ พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา อดีตมือขวาพระองค์ทั่นตกตึกตาย หมอหยอง ปากรม ฯลฯ ติดเชื้อในกระแสเลือด
กับกรณี ‘โกงอย่างจงรัก หักหัวคิวอย่างภักดี’ ปี ๕๘ ที่ Thanapol Eawsakul ยกเอามาเปรยเมื่อวันก่อน มีตัวเอ้สองคนคือ เสธ.โจ้ กับ เสธ.โต พ.อ.คชาชาต บุญดี กับ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ โดนคดีแล้วไม่ตาย หนีหายไปเสียก่อน
เสร็จแล้ว “พบภาพทั้งคู่อยูนิวซีแลนด์ปี ๒๕๕๙...จนบัดนี้ยังลอยนวลอยู่นอกราชอาณาจักร” บก.ฟ้าเดียวกันว่า “รอดู ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จะมีชะตากรรมเช่นไร” แม้นว่ารูปคดีหนักหนาเอาการอยู่
ทั้ง “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ...ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณ...ร่วมกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด” ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าออกมาเข้าข้างอย่างเปิดเผย
นอกจากพระสงฆ์จากนครสวรรค์รายหนึ่ง ซึ่งบอกว่าทรมานผู้ต้องหาถึงตายไม่ร้ายเท่าโกงชาติแล้วลอยนวล ส่วนอุทาหรณ์จากตัวอย่างเมื่อก่อน สงฆ์รายนี้ห่วงว่าผู้ต้องขังจะคิดสั้น ประมาณว่าผูกคอตายในห้องขังนั่นละมัง
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2834995870126620, https://workpointtoday.com/police-34/, https://www.facebook.com/.../a.1015054.../10160502952580551/ และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2906149)
