วันพุธ, สิงหาคม 25, 2564

กรณีผู้กำกับโจ้ ทำให้คิดถึงทุกเคสที่ไม่มีคลิป แต่ตายอย่างมีเงื่อนงำในคุก


ภาพจากโพสต์ของ สุพรรณนิกา ฟรีดา

Atukkit Sawangsuk
3h ·

กรณีผู้กำกับโจ้
1. ถ้าไม่มีคลิปก็คงรอดไป
:
2. ถ้าไม่ใช่ตำรวจคนดัง โจ้ เฟอร์รารี่ ที่เคยเป็นแฟนดารา ก็จะไม่เป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ (คนไทยอะไรก็ดารา)
:
3. พอมีคลิป เป็นข่าวใหญ่ ก็ขึงขัง ประยุทธ์สั่งเอาผิด ผบ.ตร.ให้ออกจากราชการไว้ก่อน
(อะไรก็ตามที่เป็นดรามา รัฐหย่อนยานจะไขลานขึงขัง)
:
4. ถ้าผู้ต้องหาไม่ตาย ที่จริงก็เป็นเรื่องปกติของตำรวจ
รีดทรัพย์ ยึดของกลาง (ไปขายเอง?)
บางครั้งก็จับเอาผลงาน เอาผู้ต้องหามานั่งแถลงข่าว เรียงยาบ้าเป็นตัวอักษร เป็นพระเอกออกสื่อ
:
5. ตำรวจทำชั่วได้เพราะมีอำนาจมาก ตั้งข้อหาหนักก็ได้เบาก็ได้
เช่นเดียวกับที่ยัดข้อหาแกนนำม็อบ
ไผ่ไปเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อน
มันตั้งข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ส่งศาลทุจริต เรียกเงินประกัน 3 ล้าน
:
คดียาเสพติดยิ่งใช้อำนาจได้มาก (เพราะสังคมเชื่อว่าต้องใช้ยาแรง ให้ท้าย)
จับเข้าคุกไม่พอ ใช้กฎหมาย ปปง. ยึดทรัพย์ได้ ใช้บัตร ปปส. ไม่ต้องขอหมายค้น แต่ถ้าเอาของกลางออก เหลือไม่กี่เม็ดโทษก็ลด (ยัดอีกไม่กี่เม็ดก็โทษหนัก)
:
การใช้กำลังของตำรวจเป็นเรื่องปกติ เหมือนที่ยิงม็อบ ยิงรถผ่านไปมา ถีบมอเตอร์ไซค์ล้ม แต่สังคมไม่ดรามา
:
6. แม้กรณีนี้ปฏิกิริยาร้อนแรง แต่สังคมไทยก็ไม่แน่ว่าจะตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน ถ้าไม่ใช่รีดเงิน 2 ล้าน สมมติซ้อมตายโดยอ้างว่าต้องการหาข้อมูล ฯลฯ ไม่แน่นะ สังคมอาจเห็นใจ ไอ้นั่นมันเลว มันคนค้ายา ตำรวจคนดีคนหล่อ
แบบเดียวกับฆ่าชัยภูมิ ป่าแส สร้างนิยายโยนระเบิด ก็อ้างว่าป้องกันตัว
:
7. (มิตรสหาย) สลิ่มอกแตกเพราะเป็นจิตอาสา 904 รุ่นแรก โดนโยง “ตั๋วช้าง”
แต่ก็หันไปด่าสูทลูกนัทแทน