วันอาทิตย์, สิงหาคม 29, 2564

แผนจัดหาวัคซีนสี่เดือนข้างหน้า ประชาชนยังไม่ค่อยเชื่อสัญญา อาจมีแต่การ ‘สั่งซื้อ’ ไม่มีกำหนดการ ‘ส่งมอบ’ เหมือนแอสตร้าฯ

ดูเหมือนว่า ปาหี่โจ้ ที่ สตช.จัดโชว์ จะได้ผล ๓-๔ วันมานี่คนชักลืมๆ ภัยคุกคาม โควิด-๑๙ โดยเฉพาะจากการบริหารจัดการห่วยๆ ของรัฐบาลตู่ กันไปบ้าง ดูจาก โซเชียลฟี้ดส์ ออนไลน์ การประโคมเรื่องวัคซีน คนป่วย และคนตาย น้อยๆ ลงไป

เปิดช่องให้ โฆษกฯ ฉกฉวยแถลงข่าวอวย “สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อ...มีสัญญานดีขึ้น” อ้างว่ายอดติดเชื้อรายใหม่ๆ “ค่อยๆ ลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าตัวเลขจะยังสูงอยู่ เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่แนวโน้มในระยะยาวน่าจะค่อย ๆ ลดลง”

ที่จริงมันก็ลดลงอย่างค่อยๆ มาหลายวัน เหลือจำนวนต่ำกว่า ๒ หมื่น แต่ก็ยังหมื่นแปด-หมื่นเจ็ด และวันนี้ ๑๖,๕๓๖ รายที่ติดเชื้อใหม่ ธนกร วังบุญคงชนะ เลือกที่จะพูดถึง “จำนวนผู้หายป่วยกลับบ้านนั้นมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน ๑๐ กว่าวันแล้ว”

ไม่ยอมเฉียดเข้าไปที่จำนวนผู้ตายรายวัน ทั้งที่ก็ลดลงต่อเนื่องเหมือนกัน แต่ว่าจำนวนที่ลดจิ๊บจ้อยเสียจนเก็บเอามาคุยไม่ได้ วันๆ มีคนตายเพราะโควิด ๒๐๐ กว่าแก่ๆ ค่อนไปทาง ๓๐๐ เช่นวันนี้ตาย ๒๖๔ น้อยกว่าเมื่อวาน ๒๙๒ อยู่พอควร ก็ยังเอามาคุยไม่ได้

เพราะยอดรวมคนตายเพราะโควิดสะสมครั้งนี้เกินหมื่นแล้ว พร้อมด้วยคำเตือนจากนายกสมาคมแพทย์นิติเวช ว่า “ยังมีผู้ติดเชื้อโควิดแล้วเสียชีวิตอีกจำนวนมาก ที่ไม่มีข้อมูลเข้าระบบไปปรากฏในสถิติของ ศบค.” นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธ์ เคยพูดถึงกรณีนี้มาแล้ว

แต่คราวนี้ “จริงๆ อาจจะมีเคสที่ไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นโควิดแล้วตายที่บ้านอยู่จำนวนหนึ่ง บางสถาบันไม่สามารถตรวจ Swab จากศพได้ ก็เลยทำให้เกิดปัญหาว่า เคสพวกนี้ถึงแม้ประวัติจะชัดเจนว่าอาจจะเป็นโควิดแต่ไม่สามารถเขียนว่าเสียชีวิตจากโควิดได้”

หมอนิติเวช รามาฯ อีกคน นพ.นันทพงศ์ จันทร์แสงเพ็ชร์ ให้ข้อสังเกตุเพิ่ม “วิกฤตโควิดไม่ได้มีแค่ผู้เสียชีวิตที่เพิ่มเพราะโควิดเท่านั้น แต่ยังมีคนที่ไม่ได้รับการรักษาในโรคอื่นๆ เช่น มะเร็งหรือโรคหัวใจหนักๆ เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมา” ด้วย

มิหนำซ้ำ ทีดีอาร์ไอเปิดเผยว่า “ยังมีผู้เสียชีวิตทางอ้อมจากอาการโรคแทรกซ้อน และการฆ่าตัวตายจากผลกระทบทางจิตใจและปัญหาทางเศรษฐกิจ” เขาเก็บสถิติ อัตราการตายของคนไทย พบว่า “ในเดือนพฤษภาเพิ่มขึ้น ๑๒% และเดือนมิถุนาเพิ่มขึ้น ๑๗.%

ไม่ว่ารัฐบาลจะคุยเช่นไร “ภายในปีนี้จะมีการจัดหาวัคซีนประมาณ ๑๒๔ ล้านโด๊สเซส เพื่อฉีดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน” ทว่าการเตรียมแผนจัดฉีด ไขว้เพราะแอสตร้าเซเนก้ามาสายมากๆ ไฟ้เซอร์ กำลังมาแต่ก็ยังไม่มา มีแต่ซิโนแว็คล้นตลาด

ก็เลยต้องเร่งๆ ให้ซิโนแว็คเข้าไปอยู่ในแขน ไม่ใช่ในหลอด สูตรซิโนแว็คเข็มแรก แอสตร้าเข็มสอง จึงได้กลายเป็นสูตรหลัก ขณะที่ “วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ๒ เข็ม ห่างกัน ๑๒ สัปดาห์ (เฉพาะ) ในบางกรณีที่จำเป็นทางการแพทย์”

เวลานี้สาธารณสุขไทยกลายเป็น จอมไขว้ ไปแล้ว หวังว่าปีหน้าจะได้รางวัลโนเบิ้ลทางการแพทย์เป็นครั้งแรกของชาติละ ถึงได้มีการจัดสูตรไขว้ๆ ให้บุคคลากรทางการแพทย์ถึง ๕ แบบ ล้วนมีซิโนแว็คเอี่ยวอยู่ด้วยเกือบทุกแบบ และจัดไฟ้เซอร์ไว้เป็นบู๊สเตอร์เข็มสาม

มิใยที่ยังมีคนตายเพราะฉีดไขว้ซิโนแว็ค รายหนึ่งที่หาดใหญ่เมื่อวานนี้ (๒๘ ส.ค.) “พบผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนส่วนตัวชั้น ๔ เป็นหญิง อายุ ๕๒ ปี” เป็นพนักงานไปรษณีย์ หลังฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เป็นเข็มสองไขว้ซิโนแว็คเข็มแรก

“เริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว แน่นหน้าอก และช่วงตลอด ๑ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ลางานติดต่อกันเนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอก” ผลการพิสูจน์ศพไม่พบโควิด แต่พบว่าเสียชีวิตด้วยอาการเส้นเลือดในสมองซีกซ้ายแตก มีเลือดคั่งจำนวนมาก

นอกจากนั้นยังมีรายงานวิจัยทางการแพทย์ ของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ตีพิมพ์แล้วในวารสารแลนเซต์ “ระบุว่าวัคซีน Sinovac กระตุ้นภูมิคุ้มกันและมีการลบล้างต่อ COVID-19 ได้ต่ำกว่าที่ร่างกายได้รับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อเองโดยธรรมชาติ”

ตามแผนการจัดหาวัคซีนของสาธารณสุข เดือนหน้า (กันยา) จะมีวัคซีนสามชนิดไว้ฉีด คือซิโนแว็ค ๖ ล้านโด๊สเซส แอสตร้าฯ ๖ ล้าน และไฟ้เซอร์ ๒ ล้าน เดือนตุลาไฟ้เซอร์เพิ่มเป็น ๘ ล้าน อีกสองชนิดคงจำนวนเดิม ๖ กับ ๗ ล้าน

ส่วนเดือนพฤศจิกาและธันวา จะมีแต่แอสตร้าฯ (๗ กับ ๑๐ ล้านตามลำดับ) กับไฟ้เซอร์ รวม ๑๗ ล้านโด๊สเซส ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคยืนยันว่าผู้ผลิตวัคซีนชั้นดี ไฟ้เซอร์กับแอสตร้าฯ ให้สัญญาจะส่งให้ได้ตามที่สัญญา

ถึงอย่างนั้นประชาชนก็ยังไม่แน่ใจ เพราะรู้เช่นเห็นชาติ (ศาสน์ กษัตริย์) มาแล้วกับแอสตร้าฯ ที่ในสัญญามีแต่กำหนดการ สั่งซื้อ ไม่มีกำหนดการ ส่งมอบ


(https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1694208674281737, https://thematter.co/brief/153407/153407, https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2910122 และ https://news.thaipbs.or.th/content/307405)