วันอังคาร, สิงหาคม 31, 2564

อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ถึงอย่างไรประยุทธ์ก็ได้อยู่ต่อ...ประเทศไทยจะไม่มีวันเป็นของประชาชนหาก...”

เปิดมาก็เจอประท้วง ประท้วง ประท้วง อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับอีก ๕ รัฐมนตรี โดยฝ่ายค้าน ถูกไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.เขย่งก้าว พลังประชารัฐ ปักหลักเป็นจรเข้ขวางคลอง ไม่ให้การประชุมเคลื่อนคืบหน้า

ด้วยข้ออ้างว่าคำ #ผู้นำโง่ ที่ฝ่ายค้านใช้เรียกตู่ ผิดข้อบังคับ ๖๙ จนประธานสภาถึงกับระอา ต่อว่าไพบูลย์ทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น ส่วนข้างรัฐบาล ประยุทธ์เจอขบวนนักข่าวถามอะไรได้แต่พยักหน้าหงึกๆ รวมทั้งเรื่องส่งไลน์คุยกับพี่ป้อม

สำนักข่าวหลายแห่งเลยตีความว่าประยุทธ์ยอมรับ ว่าได้ไลน์คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประเด็นมีเสียงซุบซิบในหมู่รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะมีการโหวตคว่ำประยุทธ์ ในวันสุดท้ายของการอภิปราย ๔ กันยาที่จะมาถึง

ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จึงคึกคักเป็นพิเศษ นอกจากหนุนให้มีการอภิปรายนอกสภาคู่ขนานกันไป เนื่องเพราะ พี่โทนี่ กำหนดจะขึ้นอภิปรายออนไลน์เวทีแคร์ พร้อมไปด้วยแน่ๆ แล้ว ยังประกาศตัดไม้ข่มนาม ว่ามีตัวตนคนจะเป็นนายกฯ ไว้แล้วพร้อมพรัก

ซ้ำยังมีออกหนังสือสั่งห้าม ส.ส.ลูกพรรคโดดโหวต ขาดประชุมวันลงมติ หรือโหวตสวนมติพรรค (เป็นงูเห่า) หากใครฝ่าฝืนจะถือเป็นความผิดอย่างร้ายแรง “มีโทษถึงขั้นให้พ้นจากสมาชิก (ภาพ)” ขับออกจากพรรคนั่นเลยเชียว

ก็เลยมีการคิดสมการโหวตวันที่ ๔ กันยาเอาไว้รอท่า ว่า ส.ส.ในสภาสองฝ่ายนับได้ ๔๘๗ คน แบ่งเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล ๒๗๗ เสียง ฝ่ายค้าน ๒๑๐ เสียง รวมเสียงแปรพักตร์ของ เต้มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ด้วยก็จะเป็น ๒๑๑ เสียง

ถ้าได้พรรคปัดเศษ ๑๕ พรรคร่วมตัดหางประยุทธ์อีก ๓๑ เสียง ฝ่ายค้านจะมีเสียงไม่ไว้วางใจประยุทธ์ ๒๔๒ เสียง ขาดไปหนึ่งเสียงจึงจะถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนฯ ทั้งหมด (๒๔๓ เสียง) ความหวังที่จะปลดประยุทธ์จึงอยู่ที่พรรคร่วมฯ ผละจากประยุทธ์

ถ้าพรรคภูมิใจไทย (๖๑ เสียง) หรือประชาธิปัตย์ (๕๑ เสียง) พรรคใดพรรคหนึ่งตัดเยื่อใย ไม่เอาประยุทธ์อีกต่อไปแล้ว เสียงฝ่ายรัฐบาลจะเหลือแค่ ๒๑๖ หรือ ๒๒๖ อย่างใดอย่างหนึ่ง เพจ The Room 44 ตั้งตุ๊กตารัฐบาลผสมไว้น่าทึ่งว่า

หากตู่ไม่อยู่ต่อ พลังประชารัฐอาจไปจับมือกับเพื่อไทย ได้ ๓๓๒ เสียง หรือเพื่อไทยไปได้ดีลกับภูมิใจไทย ๒๗๒ เสียง ก็จะได้รัฐบาลใหม่ค่อนข้างเข้มแข็ง สำคัญที่มีเงื่อนไขตัวนายกฯ ใหม่ จะเป็นคนของเพื่อไทยหรือเพื่อใครไหนอื่น

เหตุนี้ไหมหนอ เพื่อไทยประโคมหนักช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ หวังแรงกระทุ้งจากคาร์ม็อบและคอลเอ๊าท์ พร้อมอ้าแขนรับม็อบรายวันของเยาวชน เป็นพายุเป่าประยุทธ์ออกไปจากสารบบ แล้วหวังเลือกตั้งครั้งหน้าตามสูตรระเบิด แลนด์สไล้ด์ ของ โทนี่

“พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ถ้าเปิดชื่อออกมาจะเป็นชื่อที่ถูกใจ และพอใจของคนทั้งประเทศ เรียกว่าคนนี้ ใช่เลย” ทีมเลขาธิการ-โฆษกพรรคมั่นใจถึงขนาดนั้น อีกทั้งรับประกัน “ไม่มีแตกแบงก์ย่อย ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง และไม่มีการไปสนับสนุนใคร” ไหนอื่น

หากแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์ อนุทิน สุชาติ ศักดิ์สยาม เฉลิมชัย และชัยวุฒิ จะมีแรงกระแทกแค่ไหน ยังเป็นที่กังขาของหลายภาคส่วน รวมทั้งและโดยเฉพาะพวกม็อบเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันที่ ๓ กันยายน

หรือกลุ่ม REDEM ในวันที่ ๔ กันยา ต่างโหมโรงกันไว้แล้วว่าจะเป็น “ม็อบใหญ่ตีคู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จำเพาะรีเด็มเน้นว่า “ร่วมยืนหยัดการปฏิรูปเพื่อลดอำนาจสถาบันกษัตริย์” เนื่องเพราะ “ถึงอย่างไรประยุทธ์ก็ได้อยู่ต่อ

เหตุผลไม่ใช่ประชาชนยังไว้ใจประยุทธ์ แต่เพราะสถาบันกษัตริย์ยังคงไว้วางใจหุ่นเชิดที่ชื่อว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่างหาก ประเทศไทยจะไม่มีวันเป็นของประชาชนหากกษัตริย์ยังมีอำนาจล้นฟ้าอยู่อย่างนี้” มันเป็นแนวคิดที่พรรคเพื่อไทยไม่เล่นด้วย

หากแต่เป็นหลักการที่กลุ่มเยาวชนปักใจฝังแน่น ว่านี่แหละคือแก่นแข็งใจกลางของปัญหาความล้าหลังในประเทศ ไหนจะก้าวไม่ทันอารยะสากล ซ้ำเรื่องปากท้องและการทำมาหากินของประชาชน กับคุณธรรมความเป็นมนุษย์ในศตวรรษที่ ๒๑

ร้ายที่สุดเป็นสภาพสังคมที่กำลังเสื่อมโทรมและสุดทราม การคอรัปชั่นเอารัดเอาเปรียบผุดเป็นผื่นดั่งงูสวัสดิ์  แล้วยังแอบแฝงชนชั้นและศักดินา มีให้เห็นมากเสียกว่าทศวรรษที่แล้ว ไพร่ฟ้าหน้าใสมีแต่ความเศร้าเคล้าขุ่นเคือง

ความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทันการเท่านั้น จึงจะเยียวยาและผสานเนื้อนาแห่งชาติไว้ได้

(https://www.facebook.com/.../a.115688233.../580069866775408/, https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6591746 และ https://facebook.com/100001454030105/posts/4415407975184293/?d=n)