แหม สองผัวเมีย ‘ทีปสุวรรณ’ ทำเป็นรับไม่ได้ เมียบอกเป็น Cosplay เกินจุดไปแล้ว ผัวว่าเป็นเรื่องล้อเล่นที่ไม่ใช่ ถามอีกคิดว่าคนไทยไม่รู้หรือ ไม่ดูตัวเองรู้หางอึ่ง หนึ่ง การตาบอดข้างขวาเพราะโดนตำรวจห่ายิงใส่ ไม่ใช่ล้อเล่นแน่ๆ
แล้วมาใส่สูทแขวนกล้อง (คิดว่าไม่ใช่ไลก้า) ก็ไม่ได้เกินจุดอะไร หากอยากตีความไปอย่างที่คิด มันเรื่องของหล่อน สอง มันสื่ออะไรได้ทั้งนั้น แต่ไม่มีใครพูดอย่างที่เอ็งพูด เพราะฉะนั้นไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ อย่างที่เกิดบ่อยๆ จากคนประเภทคุณ
พวกบ่าวนั่นแหละ มักทำให้เจ้านายงามหน้า เพียงเพื่อได้ยกหางตนเองสูงกว่าคนอื่นๆ ก็ยังดีอยู่หน่อย ทำร้ายด้วยปากไม่หนักเท่าพวกที่ใช้กระบอง ปืนยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา ทำให้บาดเจ็บเสียหายอวัยวะ เช่นที่ ‘ลูกนัท’ โดนแล้วยังมาเจอกลิ่นปากณัฏฐพลกับทยา
ถ้าจะกล่าวหา #ม็อบ22สิงหา เล่นคอสเพลย์เกินจุดละก็เทียบกันไม่ได้กับที่ทั้งตำรวจ-ทหารในหน่วยควบคุมฝูงชน ถีบรถจักรยานยนต์ผู้ชุมนุมให้ล้ม เพื่อจะเตะตีผู้ขับขี่ถนัดตีนถนัดมือ ก่อนลากตัวไปโรงพัก ใส่สูทสะพายกล้องสุภาพกว่าขว้างสียิงหนังสะติ๊กนะ
แล้ว ‘ลูกแก้ว’ ที่ว่าเยาวชน ‘ตลาดล่าง’ (คำสบประมาทของกลุ่ม ‘ไทรักษา’) ใช้เป็นกระสุนยิงหนังสะติ๊กนั้น ก็เอามาใช้กล่าวหาไม่ได้ทั้งหมด เพราะมีคนจับภาพได้จากสำเพ็งนำมาแพร่ เป็นชายสวมชุดดำคาดเข็มขัดหัวสันติราษฎร์ ไปซื้อมาถุงเบ้อเริ่ม
การชุมนุมซึ่งกลับมาทำรายวันนับแต่ทางการตอบโต้ด้วยความรุนแรง เดี๋ยวนี้มักจะมีสองส่วนไม่มีการประสาน แต่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ #ทะลุแก๊ส และ #ทะลุฟ้า ส่วนแรกฮึดสู้กับเจ้าหน้าที่ด้วยการขว้างปาสิ่งของเท่าที่จะฉวยคว้าได้ ขวด อิฐ และประทัดที่เตรียมมา
ข้อสำคัญ “ตำรวจหรือผู้กำกับเคยย้อนคิดบ้างไหม ทำไม ปชช.ที่กำลังอาวุธน้อยกว่า ชุดเกราะไม่มี ต่างคนต่างมา ไปปะทะกับพวกคุณทุกวัน” ThaiFreeNews @thomasFATCAT กระตุกจิตสำนึก ว่า “พวกคุณทำอะไรเลวร้ายไว้? ทำไม ปชช.จึงเกลียดคุณได้ขนาดนี้”
อีกส่วนของการชุมนุมจะเป็นกิจกรรมล้อเลียนและเปรียบเปรย หรือแสดงออกด้วยคอสเพลย์ต่างๆ นานา ซึ่งแก่นแท้ก็เพียง ‘ล้อเล่น’ ไม่ได้เอาจริงอย่างญาติพี่น้องพวก ‘จันทร์อะไรนะ’ ที่ทำตัวสูงส่ง นั่งเก้าอี้วางแขนลายทองหรู มีบริวารพับเพียบข้างๆ ‘โธรน’
ในแง่ของกฏบัตรกฎหมาย กิจกรรมเรียกร้องเชิงสัญญลักษณ์และการปราศรัยไม่ใช่ ‘ความรุนแรง’ แต่อย่างใด การตอบโต้ด้วยกำลังของตำรวจ-ทหาร และการกลั่นแกล้งด้วยระบบตุลาการพิบัตินั่นสิ เป็นการทำร้าย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายและชีวิต
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ‘ศาล’ ไม่ยอมให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวบรรดาแกนนำกลุ่ม ‘ราษฎร’ เพื่อที่จะกักกันเอาไว้ในเรือนจำ “ดังเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เรือนจำเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก” ดัง Puangthong Pawakapan เอ่ยถึงในการไปร่วมกับคณาจารย์ยื่นคำร้อง
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ขอให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาปล่อยตัว ‘เพ็นกวิน’ พริษฐ์ ชีวารักษ์ ‘ฮิวโก้’ สิริชัย นาถึง ‘ฟ้า’ พรหมศร วีระธรรมจารี ‘ปูน’ ธนพัฒน์ กาเพ็ง และ แซม สาแมท ซึ่งติดเชื้อโควิดอยู่ภายในเรือนจำ ได้ออกมารักษาตัวภายนอก
โดยเฉพาะเพ็นกวินกับฮิวโก้ซึ่งเป็นนักศึกษา มธ. ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ขอตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม มธ. แม้แต่อีกสี่คนที่ที่ยังไม่ได้ติดเชื้อ ก็อาจเจอกับนี้ได้ เช่นกันกับผู้ถูกห้ามประกัน ได้แก่อานนท์ นำภา และ ‘ไผ่’ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา
การเลือกปฏิบัติโดยระบบตุลาการไทย กักกันตัวแกนนำไว้ในสถานที่อันตรายจากโรคระบาดร้ายแรงเช่นนี้ เป็นความเลวร้ายในการ “ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน อาจเป็นการขัดรัฐธรรมนูญอีกด้วย” ดังที่ คณาจารย์ระบุในคำร้อง
(https://www.facebook.com/.../a.668860109.../4204140059635816, https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/4539627236088000, https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3014210012133352 และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165787058370551)