อะไรมันจะตอแหลกันให้ได้โล่ห์สินะ ‘ร้าบานตะหาน-ตำหวด’ ชุดนี้ ตั้งแต่เรื่องโควิดถึงเรื่องชุมนุม ทั้งกรณีไฟ้เซอร์หาย และสภาจังหวัดนครสวรรค์ทำป้ายต้อนรับรัฐมนตรีมอบวัคซีนให้ ไปถึงตำรวจใช้กำลังเกินเหตุถล่มม็อบ ๗ สิงหา แล้วเจ้าหน้าที่โดนยิงที่คอ
เรื่องโควิด วันนี้ติดเชื้อเพิ่มอีก ๑๙,๖๐๓ ราย ตาย ๑๔๙ การระดมฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันร่วมฝูง ‘Herd immunity’ ยังมีปัญหา “เหมือนเดิม ซ้ำเพิ่มมากกว่า” ล่าสุดก็แถลงขององค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น บอกโควต้ารับไฟ้เซอร์ ๑,๔๐๐ คน มาแค่ ๗๐๐
ยิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่านั้นเสียงบ่นก่นด่า ชนิดเบี้ยหัวแตกมีออกมาเรื่อยๆ รายนี้ Somnuck Jongmeewasin พูดถึงเหตุเกิดที่ รพ.อุตสาหกรรม “วัคซีน Pfizer มีมามาก แบ่งมาเพื่อใครบ้าง ตัวจริงมีเท่าไหร่ ตัวปลอมมีเท่าไหร่ อนาถใจ ทำไมกล้าแย่งไปกว่า ๖๐%”
เขายันกลับคำถามที่ว่า “หลักฐานมีไหม...ถ้าพวกคุณไม่อยากโดนวินัย โดนไล่ออก หรืออาจเสี่ยงคุก เงียบๆ ไป...อะไรไม่ชัวร์ผมไม่โพสต์แน่นอน กล้าฟ้องก็ไปเจอกันที่ศาล รับรองซวยนับได้เกินร้อยคน ยังไม่รวมผู้สั่งการและผู้สมรู้ร่วมคิด”
แถมว่า กำหนดเวลาปักแขนบ่ายสี่ถึงหกโมงเย็นวันนี้ “เปลี่ยนแปลงยังทัน ถ้ามีความเป็นคนอยู่” แสดงว่าเจตนาของการออกมาปูดอย่างนี้เพื่อที่บุคคลากรด่านหน้าจะได้รับวัคซีนไฟ้เซอร์อันควร แน่ละอาจเป็นเพียงปลาเน่าในข้อง แต่ว่ารายนี้รายเดียวเป็นร้อย
ดังนั้นกรณี สมาชิสภาจังหวัดนครสวรรค์จัดทำป้ายไวนิลฉากหลังปะรำพิธี ต้อนรับ อนุทิน ชาญวีรกูล “มอบวัคซีน Pfizer ให้กับบุคคากรทางการแพทย์” จะเป็นการพลั้งเผลอ ‘เลีย’ ผิดข้างหลังเป็นหน้าอะไรทำนองนั้น ครั้นภาพออกไปสู่สังคมอย่างรวดเร็ว จึงไหวทัน
นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่เตรียมงานจัดทำป้ายนี้จริง แต่เมื่อนำขึ้นติดตั้งแล้วตนและทีมงานเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงปลดลงก่อนรัฐมนตรีเดินทางไปถึงหลายชั่วโมง เขาอาจไม่ได้โป้ปดทั้งหมด แต่ภาพมันฟ้อง
คนได้โล่ห์ก็นี่ ศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย ไม่เถียงว่ามีการขึ้นป้าย แต่เห็นไม่เหมาะสมแล้วเอาลง ก็จบ กล่าวหาว่าเป็น “การเมืองน้ำเน่าสกปรก” ของ “ฝ่ายการเมืองสายปลุกปั่นสังคม” โดยพาลไปแขวะการที่เอกชนพยายามติดต่อซื้อวัคซีน mRNA ไม่สำเร็จ
เพราะถูกกีดกันโดยหน่วยงานรัฐ ซึ่งระเบียบกำหนดให้เป็นผู้มีอำนาจสั่งซื้อ ยื้อยุดจนหมอบุญยอมแพ้ หลังจากถูกยึดเงินมัดจำไปแล้วสองสามครั้ง ศุภชัยบอกว่านี่เป็น #การเมืองใหม่ที่แสนสกปรก เข้าเนื้อตนเองเต็มเปา เพียงแต่ไม่ตรงความจริงนัก
ควรเรียกว่า #การเมืองเก่าชั่วช้า จะถูกต้องกว่า ประเภทการเมืองเก่ายุค คสช.ที่ให้ร้ายป้ายสี ‘เหยื่อ’ ซึ่งอยู่ในฝ่ายที่ต่อต้านการยึดอำนาจ ดังที่รองผู้บัญชาการนครบาล แถลงว่ามีตำรวจในหน่วยควบคุมฝูงชนบาดเจ็บสามคน จากการรับมือม็อบ ๗ สิงหาคม
หนึ่งในนั้น ส.ต.ต.นิตินัย ครองสม “ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด .๒๒ เข้าท้ายทอย” ผลการนำหัวกระสุนที่ฝังอยู่ในคอออกมา พบว่ามีลักษณะเช่นเดียวกับหัวกระสุนยางที่ฝ่ายตำรวจใช้ยิงผู้ชุมนุม จึงเป็นไปได้ว่า นายสิบตำรวจผู้นั้นดดนลูกหลงพวกกันเอง
เช่นกันกับกรณีที่มีการเผารถตู้ควบคุมผู้ต้องหาที่จู่ๆ แล่นเข้าไปในใจกลางการชุมนุม ถูกผู้ชุมนุมรุมขว้างปาก้อนหินใส่ แต่ในหมู่ผู้ขว้างปานั้นมีชายสวมหมวกแข็งสีส้มเหลือง ชนิดที่เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบสำหรับแทรกแซงฝูงชนใช้ เดินเข้าปาวัตถุระเบิดใส่
ผู้อยู่ในเหตุการณ์นำภาพและคลิปชายหมวกส้มผู้ขว้างระเบิดไฟใส่รถตำรวจ ครบทุกอิริยาบถ นับแต่พูดโทรศัพท์ขณะเดินเข้าไปใกล้รถตู้ตำรวจ หลังวางโทรศัพท์ก็ปรี่เข้าไปขว้างก้อนวัตถุกระทบรถแล้วเกิดระเบิด จนไฟไหม้ท่วมทั้งคัน
เหตุการณ์อย่างนี้ผู้พบเห็น ซึ่งมักเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมสามารถถ่ายภาพและวิดีโอเก็บมาประจาน หรือใช้เป็นหลักฐานคัดง้างการโกหกตอแหลของฝ่ายรัฐ ซึ่งได้กลายเป็นทางปฏิบัติปกติของทหาร-ตำรวจ ในการปราบม็อบไปแล้ว
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_452059, https://thejournalistclub.com/E0%B8%84/ และ https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2874400)