ไม่รู้ว่าการต่อสู้กับความเหี้ย มของตำรวจ-ทหาร ต้องใช้ยุทธศาสตร์ขนาดไหน จะใช้หลัก “ใจเย็นๆ อย่าใจร้อน” เหมือนพี่โทนี่สอนน้องด้วยไหม พวกแนวหน้าอาชีวะที่ชอบปะทะกับ คฝ.ที่ดินแดงนั่น จะเข้าข่าย บวกอย่างเดียว “ผู้ชมก็เบื่อ” หรือไม่
การที่มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บสามคนจากม็อบทะลุฟ้าเมื่อวานซืน คนหนึ่งเป็นเยาวชนอายุ ๑๕ ปี ซึ่งโรงพยาบาลราชวิถีแจ้งอายุผิดไปเป็น ๒๐ ปี ถูกกระสุนจริงยิงออกมาจาก สน.ดินแดง เข้าต้นคอ ขณะเขียนนี่หัวกระสุนยังฝังภายใน อาการขั้นโคม่า
ผู้บัญชาการนครบาล “ยืนยันตำรวจไม่ใช้กระสุนจริง แต่ยอมรับในพื้นที่มีกระสุนจริงจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย” ส่วนภาพบุคคลในเครื่องแบบประทับปืนยิงอยู่บนอาคาร สน.นั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา บอกหน้าตาเฉยว่า “เป็นการใช้กระสุนยาง
ยิงข่มขู่เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ ไม่มีการใช้กระสุนจริง...ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระสุนที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงมาจากทิศทางใด แต่ยอมรับว่าในพื้นที่มีการใช้กระสุนจริง แต่ไม่ใช่ของตำรวจ” ถ้างั้นใครกันล่ะสวมรอยยิงใส่ผู้ชุมนุมหมายฆ่า ทหาร หรือม็อบพิทักษ์รัฐบาล
แล้วเรื่องแก๊สน้ำตา ทั่น ผบช.น.เอาตัวอย่างมาแสดงให้สื่อมวลชนดูเพื่อบอกว่า “เป็นอาวุธที่ไม่สามารถทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิต...ส่วนที่เป็นโลหะเป็นปลอกกระสุน เมื่อหลังยิงไปแล้วจะค้างอยู่ในลำกล้อง ส่วนที่ยิงออกไปคือวัสดุคล้ายยาง
ทรงกระบอก...ภายในบรรจุแก๊สน้ำตา เมื่อกระทบกับร่างกายจะไม่เกิดอันตราย” หากแต่หลายต่อหลายคนที่โดนเข้าบนบริเวณใบหน้า บาดเจ็บหนักกันทั้งนั้น ล่าสุดในรายของ ‘ลูกนัท’ ไฮโซกลับใจมายืนหยัดข้างประชาธิปไตย ก็ตาข้างขวาบอดไปแล้ว
ข้อสำคัญตำรวจมีพิรุจ เมื่อ ส.ส.ก้าวไกล รังสิมันต์ โรม ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุใน สน.ดินแดง ปรากฏว่ามีการเก็บกวาดบริเวณ สน.เสียจนเรี่ยมเร้ ไม่พบปลอกกระสุนหลงเหลือไว้ให้ดู “ตอนนี้รอแต่ว่ากล้องวงจรปิดใน สน.จะเสียทุกตัวหรือไม่” Thanapol Eawsakul แซะ
ความไม่คล้องจองของม็อบต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์เวลานี้ มีลักษณะไม่ลงรอยเช่นเดียวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ กับรัฐมนตรีอีก ๕ คน ที่มีเสียงนกเสียงกาบอกว่าตกหล่นไปคนหรือสองคน คนละเรื่องแต่ปัญหาเดียวกัน ถึงได้ฉุกว่าจะใช้ยาแก้แบบพี่สอนน้องดีไหม
ด้านการเมืองเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นมีคนเสนอทางออก (ไว้เมื่อ ๑๖ สิงหา) “ให้ฝ่ายค้านทำงานร่วมกันได้ดี” จาตุรนต์ ฉายแสง แนะว่าถ้าก้าวไกลยังต้องการอภิปรายประวิตร วงษ์สุวรรณ ละก็ ให้ไปร่างญัตติมาแล้วให้เพื่อไทยช่วยลงชื่อสนับสนุนให้พอ
อดีตสังกัดพรรค ทษช.ชี้ว่า ทำได้อย่างนั้นได้ “แฟนคลับของทั้งสองพรรคไม่ขัดแย้งกันในเรื่องนี้ต่อไป” อีก ไม่ต้องฟัง ‘นางแบก’ กับ ‘นายโบก’ กระแนะกระแหนใส่กัน ทางคลับเฮ้าส์ เฟชบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ ให้มากเรื่องเลอะความ
ด้านกระบวนการ ‘ไล่ไอตู’ ซึ่งมีอาการคลอนแคลนเหมือนกัน เห็นมีคนวิเคราะห์ว่าเพราะพวกที่เป็นเยาวชนอาชีวะ สู้แบบอิสระไม่ค่อยฟังแกนนำ จ้องแต่จะบวกกับตำรวจที่ออกมาใช้ความรุนแรงและวางก้าม พวกเขา “มักเป็นลูกหลานของชนชั้นกลางระดับล่างลงไป”
ซึ่ง สมชาย ปรีชาศิลปกุล บอกว่าได้รับผลกระทบจากความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาโควิดของรัฐบาลประยุทธ์โดยตรงและมากกว่าเพื่อน “ท่ามกลางความอยุติธรรมที่เห็นอยู่ต่อหน้า จะให้พวกเขามาชุมนุมแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน อีกอาทิตย์มาเจอกันใหม่
เพียงแค่นี้มันไม่เพียงพอหรอก “อาชญากรไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า...อาชีวะก็ไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า หากเป็นผลมาจากเนื้อนาดินของสังคมไทยต่างหาก ที่สร้างพวกเขาให้มาเป็นแบบที่เป็นอยู่” จึงไปถึงบทวิจารณ์อันควรแก่การซึมซับ
ภัควดี วีระภาสพงษ์ วอน “โปรดอย่าผลักไสผู้ชุมนุมที่ดินแดงออกไป” เกี่ยวเนื่องกับมีการเสนอให้แยก ‘สายบวก’ ออกไปจากกระบวนการ ต่างคนต่างชุมนุม คฝ.จะได้ไปเน้นตีเฉพาะพวกอาชีวะ ภัควดีกลับเห็นว่าสายบวกมีความรับผิดชอบพอควรแล้ว
“เขาจะย้ายกลับไปปะทะที่ดินแดง ซึ่งเป็นเสมือนพื้นที่ของเขา หรือเขาจะปะทะต่อเมื่อมีการประกาศสลายการชุมนุมไปแล้ว และ คฝ.เริ่มฉีดน้ำ/แก๊สน้ำตา...การที่พวกเขาต่อสู้ไม่อาลัยชีวิตเพราะเขามองไม่เห็นอนาคตแล้ว เราจะทิ้งเขาลงคอหรือ
เราเคยพูดไม่ใช่หรือว่า พวกเราคนรุ่นก่อนทำผิดที่ทิ้งภาระไว้ให้คนรุ่นหลัง” ฉันใดก็ฉันนั้น ย้อนกลับไปการเมืองเรื่อง ประวิตรรอด ธรรมนัสหลุด และ โทนี่สอนน้อง Thanapol Eawsakul อีกแหละบอก “คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมมากกว่าใคร...
ทั้งที่ตัวเองทิ้งไพ่โง่มาจะ ๒๐ ปีแล้ว” ไม่ทราบธนาพลสังกัดพวก ‘ก้าว’ หรือเปล่านะ แต่เราไม่เคยเป็นพ้องพรรคใด ต่อไปไม่แน่อาจพิจารณาเป็นสมาชิก ‘ไม่กล้า’ ถ้ามีประชาธิปไตยเกิดขึ้นจริงในแดนกะลา
(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1722580141286232&id=100006027885606, https://www.facebook.com/lawlawcmcm/posts/2752663614983193 และ https://www.facebook.com/TheOpenerThailand/photos/a.116265180222714/343142287535001)