วันศุกร์, เมษายน 02, 2564

ความต่าง หน้ามือ-หลังตีน ของ ‘OCTDEM’ กับ ‘มู้ฟ’ ๕ เฮียไรเนี่ย


ไอ้สถาบัน
มู้ฟ ๕ เฮียไรเนี่ย ตั้งไว้สำหรับคุกคามตามกัดพวกนักประชาธิปไตยทั้งหลายเป็นหลักใหญ่ นอกเหนือจากไว้บ้วน “เฟ้กนิวส์ และข้อความส่อเสียด เหยียดหยามความเป็นมนุษย์” มิน่า สุรพจน์ ทวีศักดิ์ ถึงได้เรียก สถาบันหลงทาง

ตอนนี้กำลังเล่นซีรี่ส์ ๒๗๙ นักวิชาการ เรียงหน้าไปทีละคน จนพวกอาจารย์สายต้านเผด็จการเขาคอยลุ้นกัน ว่ารูปแต่ละคนจะออกมาคมคายสวยสะแค่ไหน บางรายเขียนแท้งกิ้ว อาร์ตได ฝ่ายออกแบบ ที่อุตส่าห์เลือกภาพหน้าตาที่ดูดีมาใช้

แต่มีแทรกครั้งคราวตามสถานการณ์ให้เห็นว่า ไอ้หน่วยนี้ไม่ใช่ ธิ้งค์แธ้งค์ อันใด มีไว้ปั่นหัว ชวนเชื่อ และด่ากราดฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลสืบทอดอำนาจเท่านั้น ล่าสุดนี่เล่นงาน เนเน่เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ขนานใหญ่ เพราะเขาได้รับเลือกเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ

อันเป็นการเลือกตั้งออนไลน์ ผ่านแอ็พพลิเกชั่น CU NEX เพิ่งรู้ผลเมื่อวานซืน ในรายละเอียดสำคัญๆ เช่นจำนวนผู้โหวต ๑๔,๖๙๑ ราย หรือ ๕๖% ของผู้มีสิทธิกว่า ๒ หมื่น ๖ พันคน และน่าทึ่งมากตรงที่ทีมเนติวิทย์ได้รับเลือกด้วยคะแนน ‘landslide’ ถล่มทลาย

คือได้ ๑๐,๓๒๔ คะแนน เท่ากับ ๗๐% ของทั้งหมด ทิ้งห่างหมายเลขสองที่ได้เพียง ๒ พันกับ ๓๐ คะแนน แม้นว่าทีมคู่แข่งทีมหนึ่ง มีผู้ปกครองช่วยโฆษณาขอเสียงผ่านกลุ่มไลน์ ให้พ่อแม่ไปบอกลูกโหวตเบอร์ ๒ แบบนี้ก็มี

เมื่อแพ้แล้วศิษย์เก่าโค่งคนหนึ่งอ้างเป็นเภสัชกรโพสต์ท้าเนเน่ดีเบท เนติวิทย์ได้แต่ตอบห้วน ครับเขาคงจิ้มแป้นไปหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง หลังจากนั้นมีโพสต์ขอบคุณ “ทุกคะแนนเสียงที่มอบให้” ชี้ว่าเพราะเสียงเหล่านั้นต้องการเปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาะมาตรา ๑๑๒ กำลังกัดกร่อนความไว้วางใจของคนรุ่นใหม่กับสังคมที่พวกเขาอยู่ เพนกวิน รุ้ง ป้าอัญชัญ และคนอื่นๆ ที่โดนคดี...ควรได้รับการประกันตัว สังคมควรจะอยู่ร่วมกันได้บนพื้นฐานของเหตุผล ความจริง และความเคารพ”

สถาบันหลงทางก็เลยเอาไปฟัด ให้ร้ายหยามหมิ่น ว่าเสียง ๗๐% นั่นงั่ง เลือกนิสิตโข่งปี ๖ เป็นพวกม็อบสามกีบ เปิดฉากทำลายล้าง ทิศทางเดียวกับที่ Mj Yugala กำลังเดินถอยหลังลงกระทะทองแดง ด้วยการสุมไฟความเกลียดชังต่อเด็กๆ ในคุก

เขาจงใจจ้วงจาบนางสุรีรัตน์ ชีวารักษ์ โดยบังอาจสอนว่า “ถ้าคุณแม่รักลูกจริง ก็ควรบอกศาลท่านว่า คุณแม่จะขอเอาชีวิตเป็นประกัน (ถ้าศาลท่านให้ประกันตัวเพนกวิน และรุ้งออกจากคุก)...แต่ลูกจะทำหรือเห็นแก่ชีวิตของบุพการีหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้”


การออกมาเอ่ยถึงบุคคลในลักษณะนี้ เป็นการก้าวร้าวชนิดยกตนข่ม ซึ่งในหมู่ชนทั่วไป ใครไม่ยอมหงอให้เป็นได้ตบปากกันฉาดสองฉาด ทว่า โรซี่’ - จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ ที่รู้จักกันแพร่หลายในสื่อสังคมนาม Rosie Spokedark เพียงทวี้ตตอบว่า “เสือก”

คำเดียวสั้นๆ ที่แฝงความหมายลึกล้ำถึงกมลสันดานของบุคคลที่ชอบแส่หาเรื่องผู้อื่น เพียงความคิดอ่านของเขาต่าง และ/หรือขัดแย้งกับตน ต่อกรณีเด็กๆ รุ่นหนุ่มสาวหลายคนถูกคุมขัง กักกันตัวเพราะถูกแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายที่ละเมิดนิติธรรม

แสดงถึงอาการป่วยทางจริยธรรมของสังคม ชนิดที่ตุลาการผู้ต้องนำเอากฎหมายมาใช้รักษาความเที่ยงธรรม ยังน้อมยอมรับการล่วงล้ำกฎหมาย เพราะมีใครคนหนึ่งสั่งให้ทำ แม้กระทั่งผู้ยิ่งยงในทางการบริหารกิจการทั้งส่วนตัวและบ้านเมืองยังบอกว่า “กลัวคนสั่ง”

ถึงอย่างนั้นความหวังยังพอมี เมื่อคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตนว่า คนเดือนตุลาระดับแกนนำและก้าวหน้า “ไม่ว่าจะเป็น เกรียงกมล เลาหไพโรจน์, จาตุรนต์ ฉายแสง, ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, สมศักดิ์ ปริศนานันนทกุล, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” เป็นอาทิ

ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย ใช้ชื่อ ‘OCTDEM’ กำหนดกิจกรรมแรก “เรียกร้องรัฐปล่อยตัวผู้ต้องหาคดี ๑๑๒” โดยระบุว่าผู้ถูกคุมขังเหล่านั้น “ถูกปฏิเสธการประกันตัว ซึ่งขัดกับหลักสิทธิเสรีภาพ เพราะขณะนี้ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์”

หมอเลี้ยบนพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงแผนงานและความมุ่งหมายของกลุ่มว่า “ความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทย ถ้าไม่มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง จะนำไปสู่ประวัติศาสตร์ที่สร้างบาดแผลและความขัดแย้งครั้งใหญ่...เป็นบรรยากาศที่เราไม่อยากเห็น

เราผ่านเหตุการณ์อย่างนั้นมาแล้ว เราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกัน เพราะการปิดปากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งไม่ให้แสดงออกนั้น จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น” ภาพของสถานการณ์มิคสัญญีในพม่าทุกวันนี้ชี้ชัด

ถ้ายังมัวแต่กลัวคนสั่ง ทำอย่างไรก็หนีไม่พ้นภาพหลอนที่จะเป็นจริงได้ไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีทางอื่น

(https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10161626460544848, https://www.facebook.com/netiwit/posts/3963013460429321, https://www.matichon.co.th/politics/news_2652193 และ https://twitter.com/Rosie.../status/1377481563399577601)