ใครจะว่ามาสาย ไม่มีที่เกาะแล้วสิ หรือทักษิณซื้อไปแล้ว ต่อการที่ แก้วสรร อติโพธิ์ “กินยาผิดซอง” ที่ออกมาอัดยับระบบ ๓ ป. ว่าเป็น ขุนนาง เต็มตัว ไม่มีทางปฏิรูปอะไรได้ อยู่นานจนมีฝูงเห็บเกาะกินเต็มไปหมดทั้งสภาบน ล่าง
การมาด้วยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญถูก ส.ส.รัฐบาลและ สว.ตู่ตั้ง ยื้อกันอีกรอบใหญ่ สมชาย แสวงการ ขอให้โหวตว่าจะ ‘โหวต’ วาระสามกันหรือไม่ จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ (ปชป.พรรคร่วม) เสนอให้ ‘โหวต’ ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกครั้ง
คนพวกนี้อ่านภาษาไทยไม่แตกหรือไร ฤๅต่อนี้ไปต้องเขียนกฎหมายเป็นภาษาบาลีจารึกบนสมุดข่อย “ตัวหนังสือเขียนไว้ความหมายชัดเจน รัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้” พยายามไม่เข้าใจกัน “เพราะบางคนตั้งใจป่วน” อย่าง ยิ่งชีพ (เป๋า) @yingcheep ว่า
แก้วสรรชี้หน้า ‘ระบบข้าราชการ’ ด้วย อาจไม่ตั้งใจแตะกรมราชทัณฑ์ แต่มันควบรวมกันอยู่ก็ต้องรับไป ในเมื่อราชทัณฑ์วันนี้ ‘เสื่อม’ ที่สุด หาศักดิ์ศรีไม่เจอ อ้างไปข้างๆ คูๆ ว่าเหตุเกิดผิดวิสัยเมื่อกลางดึกวันที่ ๑๕ ต่อ ๑๖ มีนานั้นแค่จะแยกผู้ต้องขังใหม่ไปห้องกักโรค
บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ชี้แจง กรณีที่ อานนท์ นำภา ทำจดหมายร้องเรียนให้สอบสวน พร้อมขอดูภาพกล้องวงจรปิดคืนดังกล่าวทุกชั้นทุกห้องที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องฮือฮามากไปถึงต่างประเทศ โดยมูลนิธิรำลึก ๑๘ พฤษภา ของเกาหลีใต้เตือน “โลกกำลังจับตามอง”
ในฐานะที่ผู้ถูกทางการไทยจับใส่ห้องขัง สองคนเป็นผู้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนของเกาหลีใต้ ได้แก่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ปี ค.ศ.๒๐๑๗) และอานนท์ นำภา (ปี ๒๐๒๑) “เรามีความกังวลต่อสวัสดิภาพของทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง”
กฤช กระแสร์ทิพย์ อ้างว่า ‘ไผ่’ และ ‘ไม้ค์’ ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกส่งตัวมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี อันเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงต่อการระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ จึงต้องนำตัวขึ้นไปชั้น ๒ ของแดน ๒ ตามระเบียบกักโรค “ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือลึกลับ”
ทว่าความ ‘ไม่พิเศษ’ ของ ผบ.เรือนจำกลับเป็นเรื่อง ‘ผิดวิสัย’ จึงได้มีกลุ่มรณรงค์แห่กันไปถึงหน้าเรือนจำ “เขาก็เอาหมอมาอธิบายว่ามันจำเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พูดอ้อมไปอ้อมมา พยายามยืนยันว่าการตรวจตอนดึกๆ ดื่นๆ นั้นเป็นเรื่องปกติ”
ถามว่าทำไมต้องพยายามไปเอาตัวกันถึงสามสี่รอบ ก็ทำเป็นไขสือ “๓-๔ รอบอะไรกัน” โดนยันด้วยจดหมายของ อานนท์ นำภา หมอเรือนจำยังว่า ปกติ ปกติๆ ไม่มีเหยียมอาย พอยันอีกว่า “แบบนี้ปกติเหรอ” กระทำการนอกเวลาอันควร หลังเที่ยงคืนถึงตีสองนั่น
“เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าต่อให้ผู้ต้องขังจะเจ็บหรือตาย ผู้คุมจะเปิดห้องตอนเช้าเท่านั้น” อันนี้ตอบไม่ได้ จึงต้องสะบัดก้นหันกลับเข้าคอก จากนั้นอานนท์จึงทำหนังสือถึงศาลให้ทำการสอบสวนเหตุการณ์ โดยระบุว่าห้องขังแกนนำคณะราษฎรทั้งเจ็ด
นั้น “เป็นห้องกักโรคอยู่แล้ว” ไม่มีความจำเป็นต้องย้ายไปไหน
(https://theopener.co.th/node/87, https://tlhr2014.com/archives/27045 และhttps://thethaiger.com/th/news/425302/)