วันนี้ ถ้า ตลก. ๙ คนวินิจฉัยว่ารัฐสภาสามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งสภายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ ก็แค่เสมอตัว สภาผู้แทนฯ ที่มาจากการเลือกตั้งจะกลับไปงัดข้อต่อสู้กับวุฒิสภาตู่ตั้ง พยายามผ่านร่างวาระสามกันต่อ
แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจ ก็จบหมด สภาไม่อาจทำการเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญใหม่ หรือแม้แต่แก้ไขด้วยวิธีใดๆ ได้อีกเลย การรัฐประหารเท่านั้นจึงจะยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ออกแบบมาเพื่อ คสช.และพวกพ้องในการสืบทอดอำนาจฉบับนี้
ดังที่ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการนิติศาสตร์จาก ม.ธรรมศาสตร์ให้ความเห็นไว้ทางรายการโทรทัศน์ เว้นแต่ศาลจะมีความเห็นอีกแนว ดังที่ ‘ไอลอว์’ ตั้งปุจฉาเอาไว้ โดยเน้นเฉพาะกรณีการจัดให้มี สสร. ๒๐๐ คน ผ่านการเลือกตั้งแบ่งเขต
รูปการณ์ดังกล่าวผ่านวาระสองมาแล้ว แต่ถูกสองนักการเมืองสายสืบทอดอำนาจยักท่า คนหนึ่ง ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.ปัดเศษลากถูลู่ถูกังเข้าไปอยู่พรรครัฐบาล กับ สมชาย แสวงการ สมาชิกสภา ‘กึ่งห้าร้อย’ ที่ตู่ตั้ง เล่นแร่แปรธาตุ
ตัดตอนอำนาจสถาปณารัฐธรรมนูญของราษฎร เสนอให้ไปถาม ตลก. (กึ่งๆ ตู่ตั้งเหมือนกัน) ดูก่อนว่าจะยอมให้ผู้แทนปวงชนใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนได้ไหม กลายเป็นศาลรัฐธรรมนูญคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดทางการเมือง สั่งสภาได้
เรียกว่าเป็นชัยชนะด้วยเทคนิคทางการเมือง โดยเสียงที่มาจากการแต่งตั้งของผู้ยึดอำนาจ ถล่มเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญเองก็ยังช่วยเสริม นอกจากรับลูกทันควันแล้วยังขอให้ สี่คนซึงช่วยร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๖๐ ช่วยออกความเห็น
มีชัย ฤชุพันธุ์ เคยยอมรับแล้วว่า คสช.สั่งมาอย่างไรก็ร่างอย่างนั้น อุดม รัฐอมฤต ก็อีกคนที่ คสช.จับยัดเข้าช่วยมีชัยปั้น บวรศักดิ์ อุวรรณโณ แม้จะเด้งออกมาก่อนเพราะแนวคิดต้นแบบรัฐธรรมนูญของเขา ทหารรับไม่ได้ สมคิด เลิศไพฑูรย์ ก็ลูกไล่ คสช.ต้อยๆ
เท่ากับว่าจะออกมารูปไหนสำหรับคำวินิจฉัยของ ตลก. วันที่ ๑๑ มีนา หนีไม่พ้น ‘หมู่หั่นหรือจ่าห้ำ’ การแก้รัฐธรรมนูญยังคงยาก ถึงยากที่สุดอยู่นั่นเอง แม้นว่าอย่างน้อยที่สุด ศาลให้กลับไปเริ่มกระบวนการกันใหม่แบบมีข้อจำกัดสั่งมาตายตัว
หนึ่งในนั้นเป็นประเด็นที่ สว. (อีกนั่นแหละ) ชงมา นอกจากห้าม สสร.แตะต้องหมวด ๑ (รูปแบบรัฐ) และหมวด ๒ (เกี่ยวกับกษัตริย์) แล้วยังมีหมวดพิเศษ (เก็บมาจากหลายแหล่ง) ‘๓๘ มาตรา’ ที่มีคำว่ากษัตริย์ปนเปื้อนอยู่ สว.ขอห้ามแก้
ตามฐานข้อมูลที่ ‘ไอลอว์’ รวบรวมมาไว้ให้ประชากรเรียนรู้ “๓๘ มาตรานั้น กระจายอยู่ในหลายหมวด อันได้แก่ หมวด ๗ รัฐสภา หมวด ๘ คณะรัฐมนตรี หมวด ๑๐ ศาล หมวด ๑๑ ศาลรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๒ องค์กรอิสระ หมวด ๑๕” การแก้รัฐธรรมนูญ
“หนึ่งมาตราสำคัญ กำหนดให้พระบรมราชโองการต้องมีผู้ลงนามรับสนอง” คือมาตรา ๑๘๒ อีก ๑๙ มาตราเป็นเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ซึ่งไม่ทราบว่าแบบที่ล่าสุดนี่ “พระราชทานยศ พันโทหญิง ‘ศศธร สิริวชิรภักดิ์’ อยู่มาตราไหน สว.ถึงได้หวง
ที่ต้องเอ่ยถึงเพราะเงินเดือนพันโท ๓ หมื่น ๘ พันกว่า “เชื่อได้เลยว่าของจริงจะมากกว่านี้ เพราะว่าสามารถบวกเงินเสริมเวลา ‘ปฏิบัติภารกิจ’ ได้อีก” ประชากรออนไลน์คนหนึ่งเม้นต์ไว้ว่านามสกุลเดียวกันที่ได้เลื่อนยศอยู่เนืองๆ นี่ยี่สิบคน ปีหนึ่ง ๙ ล้านบาท
อีกมาตราที่กลายเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมาเมื่อถูกละเมิดโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล่าวถ้อยคำถวายสัตย์เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ไม่ครบ ละเลยที่จะกล่าวว่าจักต้องปฏิบัติตนในการปกป้องรัฐธรรมนูญ คือมาตรา ๑๖๑ ครั้นถูกท้วงเวลาต่อมา แถว่าถึงอย่างไรในหลวงให้ความไว้วางใจแล้ว
รวบยอดได้ว่าจาก ๓๘ มาตราที่ สว.อ้างเป็นหมวดพิเศษของกษัตริย์ ไอลอว์บอกว่า “มีเพียงห้ามาตราเท่านั้นที่ปรากฏถ้อยคำที่ระบุว่าเป็น ‘พระราชอำนาจ’ ของพระมหากษัตริย์ โดยอยู่ในหมวด ๘ คณะรัฐมนตรี” มาตรา ๑๗๕-๑๗๙
ซึ่งโดยหลักการแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ “ไม่ได้หมายความว่าพระมหากษัตริย์จะสามารถใช้พระราชอำนาจดังกล่าวได้ตามอำเภอใจ แต่คือการใช้พระราชอำนาจโดยที่คณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงต่อการกระทำนั้นๆ”
ในทางปฏิบัติที่เกิดชักบ่อยในระยะหลังๆ นี่ คำสั่งที่อ้างพระบรมราชโองการหลายครั้ง ทั้งจากฝ่ายตำรวจและศาล อันเป็นคำสั่งน่ากังขา (‘controversial’) ในทางสองมาตรฐานและขาดนิติธรรมนั้น ใช้พระปรมาภิไธยโดยไม่มีคนลงนามสนอง
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165161944640551, https://www.ilaw.or.th/node/5828, https://matichon.co.th/court-news/news_2617686… และ https://www.facebook.com/carrakjao/posts/141976314470950)