วันจันทร์, มีนาคม 01, 2564

นักสันติวิธี “จับผิดหยุมหยิม” ตำหนิ #ม็อบ28กุมภา ทั้งที่ตำรวจ “ทำเกินกว่าเหตุ ๑๐๐% ในการสลายชุมนุม”


ลงตัวเมื่อนักสันติวิธี “จับผิดหยุมหยิม” ตำหนิ #ม็อบ28กุมภา ทั้งที่ตำรวจ “ทำเกินกว่าเหตุ ๑๐๐% ในการสลายชุมนุม” ดัง Thanapol Eawsakul ชี้ ตนเองไปร่วมชุมนุมมา เห็นกับตาว่าผู้ควรถูกประณามคือทหาร (มินเนี่ยนหมวกขาว) และตำรวจควบคุมฝูงชน

เลยเข้าทางตู่เขาสิ “ชี้ม็อบรุนแรงก่อน บุกรุกพื้นที่หวงห้าม ทำร้าย จนท. ก็ต้องดำเนินการตามหลักสากล” สากลพ่อง เห็นรูปตำรวจ คฝ.โดดเตะผู้ชุมนุมมือเปล่ามั้ย แล้วที่ระดมยิงกระสุนยางแข็งใส่ฝูงชนไฟแลบปากกระบอกปืนนั่นก็ไม่สากลนะ

ใช่ว่าผู้ชุมนุมใช้อาวุธมีดไม้เข้าตะลุมบอนกับเจ้าหน้าที่ ก็หาไม่ แค่ขว้างขวดน้ำ ขว้างรองเท้า ของติดตัวหรือใกล้มือใส่แถวตำรวจ มัน “บาดเจ็บเสียหาย” ขนาดไหนกันฮะวะ ตู๊บแล้วรถฉีดน้ำเอย แก๊สน้ำตา กระสุนยางจริงเอย เป็นความจงใจของฝ่ายรัฐแต่แรก

หาก “ถ้าเปิดให้ชุมนุมกันหน้าราบ ๑ไม่ต้องปราบอะไรเดี๋ยวผู้ชุมนุมก็กลับบ้านแล้วครับ เพราะเขาก็ประกาศแต่ต้นว่าจะเลิก ๓ ทุ่ม” ใช่อย่างที่ สลักธรรม โตจิราการ แสดงความเห็น ส่วนใครต่อใครที่ว่าม็อบไม่มีแกนนำ เป็น อานาร์คี่ย์มีแต่เสียนั้นจ้องติกันเกินไป


แท้จริงในกลุ่มชุมนุมมีการซาวเสียงปรึกษากันทางออนไลน์ ก่อนออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่าจะไปต่อ ราบ ๑ ไหม ผลโหวต ๑๔๔๒ เสียงให้ยุติการชุมนุม แต่ไม่สามารถสื่อสารถึงมวลชนทั้งหมดได้ จึงมีกลุ่มใหญ่ไปเจอการสลายชุมนุม

ธรรมชาติของม็อบไม่ว่าที่ไหนในโลก ย่อมมีพวกหัวร้อนอยู่ด้วยทั้งนั้น การขว้างปาด่าทอเป็นเรื่องธรรมดา “โจทย์มันไม่อยู่ที่ผู้ชุมนุม โจทย์มันคือรัฐมันจะปราบ...ต่อให้คุณไปรวมตัวกันกราบเบญจางคประดิษฐ์ มันก็เอาน้ำมาฉีดอยู่ดี” Pimkarn Kiratiwirapakorn ว่าไว้ก็ใช่อีก

เรื่องของเรื่องมันแบบ อุเชนทร์ เชียงเสน บอก “การใช้สันติวิธีไม่ได้การันตีว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ใช้ความรุนแรง และทางผู้ชุมนุมจำเป็นต้องหาทางรับมือหรือป้องกัน” ว่าตามอารมณ์ม็อบ เมื่อเห็นแถวตำรวจครบเครื่องมือปราบ ของก็ขึ้นแล้วละ

ยิ่งถ้า POSTTODAY.COM ประณามม็อบ เผยคลิปผู้ชุมนุม ‘ReDem’ ปีนขึ้นไปบนตู้คอนเทนเนอร์ และ ฉี่ ใส่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่อยู่ด้านล่างนั้น ต้องฟัง เอกชัย หงส์กังวาน แย้ง “ฉี่กับแก๊สน้ำตา อย่างไหนควรประณาม”


แล้วการใช้มวลชนรับจ้าง พวกหัวไม้จากชุมชนดินแดงออกมาก่อกวนรังควาญ ไม่เพียงต้องประณาม ในประเทศอารยะประชาชนสามารถทำการฟ้องร้องทางการได้เลย ไม่ต้องเคอะเขิน แต่ในไทยยุคสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร ยากเหลือเข็ญ

ความหน้าด้าน หน้าหนา หน้าทน เต็มไปด้วยกลโกงของรัฐบาลประยุทธ์ อ้างเฉยว่า “กระสุนยางที่ตกอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ต้องตรวจสอบก่อน” เหตุเกิดเทือกเขาอัลไตก็ว่าไปอย่าง “ขอโทษนะคะ” Thitiya Treemongkol ประเคนให้

“คนปกติหูไม่หนวก ตาไม่บอด ไม่เป็นผู้พิการทางสมอง ได้ดูการถ่ายทอดสด คลิปการสลายการชุมนุมช่วงเวลาที่ผ่านมา ต้องทราบค่ะ ว่า #กระสุนของฝ่ายไหนและใครเป็นคนยิง ยังต้องตรวจสอบอีกหรือ” อาจจะตรวจว่ายิงเข้าเป้ามากแค่ไหน

ดังธนาพลว่า ตีความตามโพสต์ของ วาสนา นาน่วม “การสลายการชุมนุมในวันนี้ไม่ใช่เรื่องชุมนุมมีแกนนำหรือไม่ หรือใช้คำรุนแรงยั่วยุหรือไม่” แต่เป็นเพราะฝ่ายความมั่นคงลงความเห็นว่า จากนี้การชุมนุมจะร้อนแรงขึ้น “จึงต้องใช้การสลายการชุมนุม”


ก็คือฝ่ายรัฐปักหลักจะทำการสลายชุมนุมหนักขึ้น ๆ อย่างครบเครื่อง ดังที่มีการตั้งคอนเทนเนอร์ตามแนวทางคู่ขนานวิภาวดียาวเป็นกิโลรอแต่เมื่อวาน นอกจากรถฉีดน้ำ กำลังตำรวจปราบจลาจลเครื่องครบ พร้อมด้วยหน่วยก่อกวนนอกเครื่องแบบ

ดังเสียงสะท้อนจากฝ่ายผู้ชุมนุมบอก “กลุ่มชายฉกรรจ์เป็นฝูงปิดหน้าสวมหมวกกันน็อค เดินกร่างอย่างอันธพาลกลางถนนย่านดินแดง บอกว่ามาไล่ม็อบ ตำรวจกล่าวขอบคุณ เหี้ย” ส่วนเสียงจากสื่อบางแหล่ง เช่น Pravit Rojanaphruk จากข่าวสดอิงลิช

ว่า “การส่งทหาร (นอกเครื่องแบบ สวมหมวกขาวป้องกันกระแทก) ออกมาเผชิญหน้าผู้ชุมนุม ก็ขัดหลักสากลและ rule of engagement...หรือไทยยังเป็นรัฐทหารซ้อนรัฐ เพราะชายเหล่านั่นไม่ยอมตอบว่าพวกเขาคือใคร” สไตล์ฟ้าสซิสต์

(https://www.matichon.co.th/politics/news_2600867, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165120114220551 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2601436)