วันจันทร์, กรกฎาคม 15, 2562

ดูดีๆ นโยบายประชารัฐ ค่าแรง ๔๐๐ มีข้อจำกัดงบประมาณ ลดภาษีเงินได้ยังต้องทบทวน ล้วนโอละพ่อ

ถอยกลับขยับมานิดนึง นโยบายประชารัฐเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันโฆษกพรรคฯ ดันบอกว่าต้องรอไว้ก่อน ตานี้เลขาธิการเลยต้องออกมาแก้ ขอให้สบายใจพรรคร่วมเห็นตรงกันว่า “ควรจะต้องปรับให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน”

ในหลักการค่าแรงขั้นต่ำ ๔๐๐ บาทต่อวัน แต่ติดปัญหาอยู่นิด “ทิศทางของนโยบายต้องสอดคล้องกับงบประมาณด้วย แต่ยังไม่สามารถตอบในตอนนี้ได้ว่าต้องใช้เม็ดเงินงบประมาณจำนวนเท่าไหร่ แต่จะทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่มีอยู่”

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯ พปชร.ที่ย้ายจาก รมว.พาณิชย์ไปคุมพลังงาน สบัดสำนวนว่านโยบายของรัฐบาลใหม่มีสองส่วน ส่วนแรกเรื่องเร่งด่วนใน ๑- ๒ ปี เกี่ยวกับปากท้องและความเหลื่อมล้ำของประชาชน ส่วนหลังมุ่งสร้างความยั่งยืนทุกมิติ

ทั้งนี้เป็นเพียงการวางเค้าโครงคร่าวๆ เช่นนโยบายการเกษตร มีทั้งยกระดับราคาสินค้าและรายได้เกษตรกร แต่ยังต้อง หารือกันอีกก่อน เช่นเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ผลักดัน ก็ยืนยันโดยปริยายต่อรายงานข่าวที่ว่า

ในแถลงนโยบาย ๔๑ หน้ามีเอ่ยถึงเรื่อง “สนับสนุนให้มีการปลูกกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ และให้นำไปใช้ช่วยเหลือในทางการแพทย์” แต่ไม่มีระบุนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ เนื่องเพราะ “ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องมีการหารือเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
 
ส่วนจะรับไว้ในนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ยังไม่ได้กำหนดเงื่อนไข” มิใยที่มีโพลนิด้าในประเด็นนี้ออกมาว่า “ส่วนใหญ่ร้อยละ ๓๗.๐๔ ระบุว่าจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเร่งด่วน เพราะการได้มาของนายกรัฐมนตรี และ ส.ว. ที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีความยุติธรรม”

จึงรวมความว่าในการอ่านแถลงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันที่ ๒๔ กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะกินเวลาถึง ๒ ชั่วโมง ยังคงเป็นรายการเกาะโพเดี้ยมเจื้อย บลา บลา บลา อย่างเคย สำหรับนโยบายรัฐบาลชุดใหม่จะมีที่สร้างความสนใจให้กับบรรดา มนุษย์เงินเดือน กันบ้าง

ตรงที่มีข่าวออกมาจากกระทรวงคลังเรื่องมาตรการยกเว้นภาษี โฆษกพรรคฯ กอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นคนปูดก่อนว่าคณะทำงานร่างนโยบายเสร็จแล้วและส่งให้ว่าที่ รมว.คลัง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้เรียกทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปหารือ

ได้ความว่า นโยบายภาษีที่พรรค พปชร.ใช้หาเสียง ในส่วนของการค้าออนไลน์ “ไม่น่าจะมีปัญหา...สามารถดำเนินการได้แน่นอน” เพราะปกติแทบจะ “แทบจะไม่อยู่ในฐานภาษีหรือเก็บภาษีไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นก็เพียงแค่ชะลอการไปไล่เก็บภาษีเท่านั้นก็ถือว่า ทำได้แล้ว

แต่ “การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๑๐% นั้น อาจจะต้อง ทบทวนเพราะกระทบกับรายได้ภาษีที่จะหายไปถึง ๕๐,๐๐๐-๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งหากจะดำเนินการก็ต้องมีการเพิ่มภาษีประเภทอื่นเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป”


อ้าว ไหงกลับโอละพ่ออีกล่ะ อุตตม สาวนายน คนที่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าเคยแสดงตนไม่เห็นด้วยกับการอนุมัติปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย คุยเสียคำโตว่าเตรียมทุ่มเงินจากงบฯ กลาง ๘ หมื่นล้าน บวกกับกองทุนประชารัฐอีก ๓-๔ หมื่นล้าน หวังพยุงเศรษฐกิจให้โตได้ไม่ต่ำกว่า ๓.๕ เปอร์เซ็นต์
 
แต่ว่าโครงการทุ่มและแจกเหล่านั้นกำหนดขึ้นบนฐานทฤษฎีที่ว่า ทุ่มแล้วจะได้คืนในอนาคต จากการผลิดอกออกผล ทว่าหนทางหาเงินมาใช้ในโครงการยกเว้นภาษีต่างๆ มาจาก แผนการปฏิรูปฐานภาษีทั้งระบบ“เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดช่องโหว่การจัดเก็บภาษี และยังเป็นการขยายฐานภาษีอีกด้วย”

เท่ากับเอาอัฐยายไปซื้อขนมยายเสียงั้น โครงการแจกแถมเอาเงินมาจากการเก็บภาษีเพิ่ม (ขยายฐาน) จนคนบ่น “ข่าวออกแต่ละวันไม่มีมาตราการไหนหาเงินเพิ่มเลยนะครับ” (@rachenoii)