วันพฤหัสบดี, มีนาคม 14, 2562

เทียบกันดูนโยบายสองพรรคใหม่ 'ขายน้ำลาย' กับ 'ขายฝัน'


เค้าคุยว่าคราวนี้ หมัดเด็ด เชียวละ พรรคที่ชาวบ้านเล่าลือ เดี๋ยวนี้ไปเปิดเวทีหาเสียงที่ไหน จ่ายคนนั่งฟังรายละถึง ๙๐๐-๑,๐๐๐ บาท ฤดูหาเสียงก็อย่างนี้ จริงไม่จริงอีกเรื่อง แต่ที่จริงน่ะเขาเพิ่งประกาศ

พปชร. ปล่อยหมัดเด็ด ค่าแรงขั้นต่ำ ๔๒๕ บาท ป.ตรี ๒ หมื่น อาชีวะหมื่น ๘” พาดหัวข่าว ๑๑.๐๐ น.วานนี้ (๑๔ มีนา) เรียงหน้ากันตั้งแต่หัวหน้า รองฯ เลขาฯ เปิดนโยบายใหม่สดซิงซิง “ประเทศไทยต้องรวยด้วยพลังประชารัฐ”

นอกจากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นค่าจ้างทั้งอาชีวะและปริญญาตรี ขึ้นราคาผลิตผลการเกษตรแล้ว นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคคุยว่า “พนักงานเงินเดือนจะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๑๐% ในทุกขั้นบันได คนที่มีรายได้ต่ำกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี”

คุยมั่งคุยมีอย่างนี้ ที่เขาลือว่าหาเสียงแจกเงินดะ ท่าจะจริง แต่ว่าช้าก่อนอย่าเพิ่งด่วนด่าเขาว่าเอาเงินมรดกจากรัฐบาลที่แล้วในคลังมาใช้นะ เขาบอกว่า “นโยบายของเราเมื่อจะใช้เงินก็หาเงินเป็นและทำได้จริง” ด้วยละ

วิธีการหาเงินทำอย่างไร หัวหน้า พปชร.แจงยิบ ๗ หนทาง เช่น บริหารสินทรัพย์ของประเทศ ปฏิรูประบบจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ ลดภาระงบประมาณรัฐ และ “จัดเก็บภาษีแบบบูรณาการ” อันหนึ่งก็คือจะเก็บภาษีผู้ประกอบการอีเล็คโทรนิคส์จากต่างประเทศ


แหม่ ไอ้เรื่องพวกนี้ไม่เห็นจะเด็ดตรงไหน ส่วนใหญ่ก็หลักการพื้นๆ ที่ขึ้นอยู่กับ ฝีมือ คนทำงานนะ แต่ว่าฝีมือของพวกทั่นสี่รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอด ๕ ปีก็รู้ๆ เห็นๆ ทั่นบอกเองว่าจะต้อง ปฏิรูป ยกเครื่องกันใหม่ แล้วจะให้ใครเชื่อว่าข้างหน้าจะทำได้ดั่งราคาคุย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่พวกทั่นยกไว้จะให้เป็นคนนำหน้ารัฐบาลใหม่อีกรอบ เคยพูดไว้ตรงข้ามกับที่กำลังหักดิบวันนี้ ขอบคุณ Jame94 @Jame9494 จัดคลิปไว้ให้ดูกันว่านายพูดอย่าง บ่าวพูดอีกอย่างนะเธอว์
ประยุทธ์ในชุดข้าราชการพลเรือนสีกากีบอกว่าถ้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสูงกว่า ๓๐๐ บาทต่อวัน “รู้ไหมใครได้ แรงงานต่างด้าวใช่ไหม จะทำให้คนต่างชาติมามากขึ้นเพราะบ้านเขาค่าแรงแค่ ๑๐๐ บาท ๑๘๐, ๑๕๐ ไม่เกิน ๒๐๐ คิดแบบผมคิดมั่ง

อย่ามาปลุกระดม มันจนทุกคนไม่เฉพาะแรงงาน จะเอาอะไรกันนักหนา เราจะให้คนเขามาลงทุน แค่ ๓๐๐ นี่มันก็หนักหนาอยู่แล้ว ไปถามสิใครทำมา มันควรจะมาทีละเสต็บๆ ไหม ผมให้ไม่ได้ เพราะไม่มีสตางค์”


แล้วลองไปดูนโยบาย ขายฝัน ของพรรคการเมืองรุ่นใหม่บ้าง เป็นอย่างไร วานนี้เหมือนกัน หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พาที่ปรึกษาด้านคมนาคม ดร.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ขึ้นเวทีแถลงข่าวเรื่องโครงการ ไฮเปอร์ลู้ป

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อ้างว่านโยบายนี้เป็นการ “สร้างไทยเท่าทันโลก” โดยท้าวความอดีตจากวิกฤตต้มยำกุ้งว่าเป็นเพราะ “การเติบโตที่ผ่านมาของไทยตั้งอยู่บนเป้าหมายการเป็น ฐานการลงทุน ให้กับกิจการต่างชาติ ซึ่งสร้างความเจริญเพียงผิวเผิน ตัวเลขส่งออกและจีดีพีสูง

แต่เบื้องลึกไทยยังขาดเทคโนโลยี่ทางอุตสาหกรรมที่เป็นของตนเอง นโยบายของเขากำหนดยุทธศาสตร์สร้างเส้นทางใหม่เลย ด้วย “เทคโนโลยี ไฮเปอร์ลูป (Hyperloop)” ที่ ดร.สุรเชษฐ์ อธิบายเสริมว่า “เป็นระบบขนส่งมวลชนรูปแบบใหม่ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาพัฒนา”

อันเป็นการคมนาคมโดยแรงขับเคลื่อนของพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ภายในท่อที่มีความกดอากาศต่ำ “ใกล้เคียงสุญญากาศ เพื่อลดแรงเสียดทาน” สามารถเดินทางด้วยความเร็วกว่า ๑,๑๐๐ ก.ม. ต่อชั่วโมง และปล่อยมลพิษน้อยกว่าวิธีอื่นๆ

ข้อสำคัญในแถลงการณ์ขายฝันครั้งนี้ของพรรค อนค. ประเด็นอยู่ที่ “อาจมีต้นทุนการก่อสร้างที่ต่ำกว่ารถไฟความเร็วสูง และได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่น้อยไปกว่ากัน” ประมาณการลงทุน ๙.๗ แสนล้านบาท โดยจะสร้างงานถึง ๑.๘ แสนตำแหน่ง

นาธรย้อนกลับมาเพิ่มเติมว่านโยบายไฮเปอร์ลู้ปของเขาไม่ได้คิดจะสร้างทันที เป็นเพียงการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและพัฒนาในอนาคต เขาแก้ต่างข้อครหาว่าขายฝันว่า แม้ผลวิจัยจะออกมาว่าทำไม่ได้ ก็ยังมีองค์ความรู้ทิ้งไว้สำหรับเทคโนโลยี่ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ไฟฟ้า อวกาศ เกษตร คมนาคม ฯลฯ

แต่ถ้าทำได้ จะนำไทยไปสู่การเป็นประเทศแนวหน้า เหมือนเมื่อครั้งที่กล่าวขานกันว่าไทยจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ห้าของเอเซีย ช่วงทศวรรษ ๘๐-๙๐ ที่ไปไม่ถึงดวงดาวหลังจากที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจโดยคณะทหารซ้ำแล้วซ้ำอีกสองสามรอบ


ทั้งหมดที่เล่ามา ทั้งนี้ทั้งนั้น ลองเทียบกันดูระหว่างนโยบายของพรรคใหม่สองราย รายหนึ่งขายฝันให้คนรุ่นใหม่ๆ ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อีกรายขายน้ำลายให้คนรุ่นเก่าๆ จะเข้าโลง