วันศุกร์, พฤศจิกายน 03, 2560

Flashback ฟังประยุทธ์พูด 2 ปีที่แล้ว.... เป็นคนแบบไหน ถึงปฏิวัติได้...




บ้าๆบอๆแบบนี้ (ที่ไม่เคารพกฏหมาย) ถึงทำได้ และเมื่อทำมาแล้วก็ต้องทำต่อ


บีบีซีไทย - BBC Thai
Page Liked · October 28, 2015 ·

นายกรัฐมนตรีชี้รัฐบาลวางพื้นฐานงานหลายด้าน ยืนยันสร้างความเท่าเทียมด้วยการให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ตำหนิคนไม่เห็นด้วยสนใจแค่เรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยไม่มองภาพรวม

ช่วงเช้าวานนี้ 28 ตค.มีการประชุมกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่เรียกกันว่าแม่น้ำห้าสาย คือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยมีข้าราชการจากหน่วยงานสำคัญเข้าร่วมประชุมด้วย โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สรุปงานที่ผ่านมาของรัฐบาลเพื่อจะให้เป็นฐานในการวางแผนงานด้านการปฏิรูปประเทศต่อไป นายกรัฐมนตรีได้ไล่เลียงงานทุกด้านโดยละเอียด ซึ่งรวมไปถึงการยุติความรุนแรง สร้างความปรองดอง รักษากฎหมาย พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พัฒนาความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ปัญหาแรงงานข้ามชาติ ปัญหาหนี้สินเกษตรกรพร้อมทั้งหาทางแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำด้วยวิธีการแบบยั่งยืน แต่จะไม่มีการชดเชยราคา จัดทำตลาดกลาง พัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ

มีหลายครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำถึงการจัดระเบียบใหม่สร้างวินัยเพื่อให้เป็นรากฐานของประเทศต่อไป โดยเน้นเรื่องของการใช้กฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมกัน และกล่าวถึงความจำเป็นในอันที่จะต้องดำเนินการหลายเรื่องแม้ว่าจะกระทบกระทั่งในเรื่องของสิทธิมนุษยชน การจัดระเบียบมีตั้งแต่เรื่องทางเท้าในเมือง ไปจนถึงการนำผู้บุกรุกพื้นที่ป่าออกจากป่าสงวน โดยบอกว่าพื้นที่ป่าของประเทศหายไปกว่า 42 ล้านไร่ ในช่วงที่รัฐบาลคสช.เข้ามาอยู่เพียงหนึ่งปีสามารถเรียกพื้นที่คืนมาได้ 2.8 แสนไร่ หลักการที่รัฐบาลดำเนินการคือพื้นที่ไหนสามารกเรียกคืนได้ให้เรียกคืน พยายามลดการบุกรุกป่าให้น้อยลง หากย้ายออกไม่ได้ก็ให้ส่งเสริมอาชีพเพื่อให้อยู่ได้แต่ไม่ให้ที่ดิน โดยปัญหาการใช้ทางเท้า การบุกรุกป่า และเรื่องการจัดระเบียบเรือประมงเป็นสามเรื่องที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นเรื่องของการไม่เคารพกฎหมายและขอผ่อนผันมานานแล้ว

“เขาผ่อนผันมาให้เป็นสิบปีท่านก็ไม่ทำอะไร อย่าอ้างความยากจน มันมีคนอื่นที่เขาก็เสียโอกาสด้วย ต้องเคลียร์ต้องทำให้สะอาด เรื่องเดือดร้อนผมเข้าใจ ก็ต้องไปหาที่ขายใหม่ให้ แต่ผมไม่ยอมให้มีการประท้วง จะไม่รับฟังข้อเรียกร้องแบบนี้ วันนี้ลำบากต้องลำบากด้วยกัน ตอนนี้อ้างอยู่สองอย่างคือยากจนและสิทธิมนุษยชน” พร้อมเตือนว่าวันนี้ต้องเลิกการปลุกปั่นและยุยง

ในเรื่องของเรือประมงนั้นพล.อ.ประยุทธ์ชี้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันไปถึงปัญหาการค้ามนุษย์ และเรือจำนวนไม่น้อยไม่ได้อยู่ในประเทศ ไม่ว่าจะจับปลาเองหรือไม่ก็ตามแต่ผลคือมีตัวเลขจับปลาได้เกินที่มีในประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องจัดระบบ รวมทั้งในส่วนของประมงพื้นบ้านด้วย “บางคนบอกรังแกพวกนี้เพื่อเอาใจต่างประเทศ แล้วถ้าเขาไม่ซื้อปลาจะทำยังไง รอรัฐบาลหน้ามาขอผ่อนผันไหม ผมไม่รอ” พร้อมกันนั้นย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือทำให้คนเคารพกฎหมาย “ปัญหาประมงเกิดมากี่ปีแล้ว ประชาธิปไตยแก้ได้ไหม ถ้าแก้ได้ผมก็ไม่ต้องมา แล้ววันหน้าถ้าเป็นประชาธิปไตยก็อย่าให้เกิดขึ้นอีก”

“สิ่งที่เราต้องยอมรับคือในโลกนี้ไม่มีอะไรเท่าเทียมกันจริงๆ สิ่งที่จะทำให้คนเท่าเทียมกันคือกฎหมาย ถ้าทุกคนมาอยู่ภายใต้กฎหมายและกติกา เราก็เท่ากัน”

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า นอกจากยุติความรุนแรงซึ่งเป็นงานขั้นต้นที่รัฐบาลคสช.ทำ รัฐบาลชุดนี้ยังได้จัดตั้งศูนย์สมานฉันท์ระดับพื้นที่ถึงกว่า 7,800 ศูนย์ อีกด้านได้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวซึ่งมีอยู่ราว 2 ล้านคนซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยทำได้ โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจสร้างปัญหาได้หากไม่จัดการ มีความพยายามแก้ปัญหาราคาสินค้าและพืชผลการเกษตรตลอดจนการขายข้าว ปฎิรูปการศึกษาที่ใช้งบประมาณถึง 5.5 ล้านบาท อีกด้านมีการนำคดีสำคัญๆที่ผ่านมา 12 คดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยระบุว่าเรื่องนี้ต้องทำ

“คดีก่อนที่ผมจะเข้ามาผมไม่ยุ่ง เอาเฉพาะที่เข้ามาแล้วหรือที่เกิดในปัจจุบันรวมทั้งเรื่องความมั่นคง ความผิดต่างๆที่ประกาศไปแล้ว ซึ่งก็ยังจะทำ พยายามจะไปสู้เรื่องสิทธิมนุษยชน พอไปจับกุมก็บอกรังแก กฎหมายเขาออกมาหมดแล้ว เพราะสถานการณ์วันนี้มันไม่ปกติ มาวันนี้เริ่มจะไม่กลัวกันอีกแล้ว ก็ระวังตัวก็แล้วกัน อันนี้ไม่ได้ขู่ พวกชอบออกมาแถลง ตัวเองก็ติดคดีเยอะแยะ ไม่เคยกลัว” “แล้วก็หาว่าผมรังแก คุณรังแกตัวเองมากกว่า จะมาเรียกร้องประชาธิปไตยอะไรกับผม ผมเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ไปเรียกหาจากรัฐบาลหน้าโน่น”

นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีเตือนไม่ให้เอาสถาบันสูงสุดมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คณะกรรมการชุดต่างๆที่กำลังวางแผนเรื่องการปฏิรูปจะต้องหาวิธีการวางแนวทางไว้เพื่อจะทำให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง และเรื่องนี้จะต้องใช้กฎหมายจัดการ

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงประเด็นในเรื่องข้าราชการรับสินบนว่าในอนาคตจะมีการออกกฎหมายเพื่อเอาผิดทั้งผู้จ่ายและผู้รับที่เป็นข้าราชการในกรณีที่สมยอมกัน ในหลายๆเรื่องที่หยิบยกขึ้นพูด พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ทางแก้ปัญหาของหน่วยราชการคือต้องใช้เงินมากขึ้นในขณะที่รัฐบาลไม่ได้มีเงินมาก และปัจจุบันต้องสร้างประสิทธิภาพในเรื่องของการจัดเก็บภาษี โดยขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการเพื่อให้มีศูนย์บริการเรื่องจ่ายภาษีแบบ One Stop service

ในส่วนของข้าราชการ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า จะต้องมีการดูแลข้าราชการให้ดีขึ้นก่อนจะใช้งานหนัก ในขณะที่สังคมเช่นโซเชียลมีเดียคอยจับตาเรื่องการทุจริตมากเสียจนกระทั่งหลายครั้งทำให้ข้าราชการไม่กล้าทำงาน เนื่องจากจะถูกลงโทษว่าทำผิด และในกรณีที่เกิดความผิดพลาดส่วนใหญ่มักจะเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่รับผิดไป ระดับสั่งการมักไม่ต้องรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไม่ควรมองทุกอย่างเป็นเรื่องโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะทุจริตทั้งหมดเพราะทำให้ลดโอกาสในการทำงาน เช่นขณะนี้ต้องมีแผนขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สานต่อโครงการรถไฟไทยกับจีน แต่การจะนำเรื่องนี้เพื่อไปแลกเปลี่ยนกับการได้ซื้อเรือดำน้ำเป็นคนละเรื่องและเป็นเรื่องที่แลกไม่ได้ โดยชี้ว่าที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้มาก รวมทั้งเรื่อง Single Gateway ที่เป็นเพียงข้อเสนอเพื่อให้ทำการศึกษาว่าดีหรือไม่ แต่ก็มีเสียงต้านมาก พร้อมกับเตือนว่าโลกในอนาคตการต่อสู้กันทำด้วยการตัดช่องทางการสื่อสาร แต่คนต้านคิดแต่เพียงเรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนเท่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ชี้ว่าที่ผ่านมามีการผลักดันกฎหมายออกจำนวนมาก พร้อมมอบแนวทางในการทำงานแก่ผู้เกี่ยวข้องว่า การออกกฎหมายต่อไปต้องนำทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยให้เข้าไปมีส่วนร่วม เพราะประเทศกำลังขับเคลื่อนเพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่

ก่อนจบพล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยในเรื่องของเสียงต่อต้านว่า “พูดกันอย่างตรงไปตรงมา แล้วแต่ท่าน ถ้าไม่เลิกก็อยู่กันไปอย่างนี้ ปิดประเทศก็ปิดกันไป ถ้าเอาประชาชนมาแกนนำโดนก่อน ผมมีอำนาจของผมอยู่”

“ผมก็เป็นคนแบบนี้ ถึงปฏิวัติได้ บ้าๆบอๆแบบนี้ถึงทำได้ และเมื่อทำมาแล้วก็ต้องทำต่อ”

ขอบคุณภาพจากเวบไซต์ รัฐบาลไทย

(https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1708137949407238/?type=3&theater)

...

เป็นคนที่ไม่เคารพ กม. แต่อยากให้ประชาชนเคารพ กม. บ้าแล้ว

มิตรสหายท่านหนึ่ง