วันศุกร์, ธันวาคม 17, 2564

กรุงเทพฯ คือประเทศไทย อยากเปลี่ยนประเทศไทย ต้องเปลี่ยนนายกฯ


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
Yesterday at 2:09 AM ·

เลือกผู้ว่าที เปลี่ยนกรุงเทพที
.
ในฐานะที่เคยเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. มา 2 ครั้ง ถึงไม่ชนะ
.
แต่ได้ที่ 3 ทั้ง 2 ครั้ง พอใจในคะแนนที่ได้ 300,000 กว่า ที่คนกรุงเทพฯ ลงคะแนนให้ ยังขอบคุณผู้ที่กล้าเลือกผมจนถึงทุกวันนี้
.
ขณะนี้มีการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หลังห่างหายไปนานหลายปี
.
ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เก่งมากที่สามารถดึง ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้) มาเป็นผู้สมัครในนามพรรคได้ ถึงแม้จะใช้นโยบายเปลี่ยนกรุงเทพฯ (อีกแล้ว)
.
ไม่รู้ว่าทำไม ใครๆ ถึงอยากเปลี่ยนกรุงเทพฯ กันทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ การจราจรไม่ติดขัด ฝุ่นไม่มี น้ำไม่ท่วม ให้การศึกษาทั่วถึง ไม่มีสลัม ไม่มีขยะล้นเมือง
.
ท้ายสุดได้แค่เปลี่ยนผู้ว่าฯ ใหม่แทน และกรุงเทพฯ ยังมีสภาพหนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
.
ที่นึกติดใจนโยบายเปลี่ยนกรุงเทพฯ ของท่าน ดร.เอ้ เพราะหากคิดจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ จริง อย่างแรกเลยคือไม่ควรลงในนาม “พรรคประชาธิปัตย์” เพราะพรรคนี้ไม่เคยเปลี่ยนอะไรได้เลยสักอย่าง
.
ยิ่งช่วงนี้จะเห็นว่าเลือดไหลออก คนรุ่นใหม่ของพรรค “นิวเด็ม” เผ่นหนีกันหมด ส่วนคนรุ่นเก่าอย่างพี่นิพิฏฐ์ก็เซย์กู๊ดบาย ขอไปตายเอาดาบหน้า ทั้งที่เคยเป็น ส.ส. ประชาธิปัตย์ถึง 8 สมัย ยังไม่นับรวมสมาชิกคนอื่นๆ อีก
.
แต่เอาล่ะ เมื่อ ดร. อยากลองของ ก็ต้องเจอด้วยตัวเอง การเมืองมันเย้ายวนคนอยู่เสมอ เป็นอธิการบดีก็ดีอยู่แล้ว เจริญเติบโตสร้างประโยชน์ในการศึกษาได้มากมาย ไม่มีใครเขาติฉิน แต่พอก้าวเข้าการเมืองไม่เท่าไหร่ กลายเป็นพวกสร้างภาพไปเสียทันทีที่แคมเปญใหม่ออก
.
จึงคิดว่ายากที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ เพราะหากเปลี่ยนได้จริง น่าจะเปลี่ยนพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้เสียก่อน คงทำได้ง่ายกว่าเปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นไหนๆ
.
ผมว่าจะไม่พูดเรื่องการเมือง ก็เลี้ยวมาจนได้ ขออภัยหากไปล่วงเกิน เอาเป็นว่าในฐานะคนกรุงเทพฯ ก็อยากให้เปลี่ยนกรุงเทพฯ ได้จริงๆ อย่างสารพันนโยบายที่ออกมาในช่วงหาเสียง
.
ส่วนผมจะใช้สิทธิคนกรุงเทพฯ วิพากษ์วิจารณ์พอหอมปากหอมคอ คงไม่ผิดกติกา อาจไปนั่งคุยกับคุณสรยุทธสื่อดังก่อนเลือกตั้ง เพราะเป็นประชาชนคนกรุงเทพ 100 %
.
ที่ “ผู้ว่าหมูป่า” ท่านณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ออกข่าวว่าขอไม่ลงสมัคร จบชีวิตทำงานในราชการดีกว่า อันนี้คิดถูก ท่านคงเห็นอะไรมามาก และตัดใจได้ ขอให้ท่านเกษียณอย่างมีความสุข เป็นผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดคนเขาชื่นชม ยกเว้นกรุงเทพฯ ที่เป็นผู้ว่าฯ ต้องพร้อมโดนด่าอยู่เสมอ
.
คนกรุงเทพฯ เปลี่ยนใจง่าย ไปตามกระแสภาพที่มาเสนอ โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ อาจหักปากกาเซียนพลิกโผโพลล์มานักต่อนักแล้ว
.
พวกชอบหาเสียงสร้างภาพ รักเด็ก กอดคนแก่ ไปยืนชี้คลองเน่า หรือใส่รองเท้าบู๊ทลุยน้ำท่วม ถือที่วัดอากาศไปตรวจฝุ่น หรือยืนดูรถติด ยืนชี้ทางเดิน จะทำฟุตปาธให้คนพิการ คนแก่
.
แต่พอได้เป็นผู้ว่าฯ จริง กลับได้แต่เดินโชว์ตัว ยกมือไหว้ เปิดงาน ตัดริบบิ้นเป็นหลัก จะทำก็ติดงบประมาณไม่มี อำนาจไม่ถึง เพราะแค่ผู้ว่าฯ ไม่ใช่นายกฯ ที่ทำก็แค่ขอไปที ไม่ได้ดีจริงแบบที่หาเสียงไว้ เพราะไปก้าวก่ายหน่วยงานอื่นที่ไม่มีอำนาจสั่งการไม่ได้
.
ซำ้บางทีกลับไปเพิ่มปัญหา ไม่ใช่ลดปัญหา
.
แค่ปีสองปี ก็เห็นผลแล้วว่าเป็นยังไง ?
.
เอาแค่สายไฟ สายเคเบิ้ล ลงใต้ดินเสียก่อน อย่าให้เกะกะรกหูรกตา เป็นที่อับอายฝรั่งมังค่าที่เห็นเป็น “Unseen Bangkok” อย่างนายรัสเซล โครว์ ดาราหนังฮอลลีวู้ด ที่มองเป็นเรื่องแปลกประหลาดพิสดารจนเอาไปลงไอจีให้ได้ฮือฮา
.
แค่นี้ ผู้ว่ากทม. ก็หมดสิทธิ์แล้ว เพราะเสาไฟฟ้า เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ การไฟฟ้าโน่น
.
ส่วนที่รถติด ก็เป็นอำนาจของตำรวจจราจร ผู้ว่าฯ กทม. จะไปยุ่งได้ไง? ผู้การจราจรใหญ่กว่าอีก เพราะถนนเป็นของตำรวจ แต่ฟุตปาธเป็นของ กทม.
.
ครั้นจะจัดการระบบขนส่งสาธารณะ ก็ให้ดู บีทีเอส เสียก่อน ว่า กทม. ค้างหนี้อยู่เท่าไหร่? เขาทวงเช้าทวงเย็นอยู่
.
ทุกหน่วยงานก็หวงแหนอำนาจตัวเองเสียเหลือทน ตามสไตล์ไทยแลนด์ น่าปวดเศียรเวียนเกล้า
.
นโยบายเขียนได้ตามหลักสากล แต่เจอหลักกู
กว่าจะรู้เรื่อง หมดวาระผู้ว่าฯ 4 ปีแล้ว
.
ดังนั้นกรุงเทพฯ ก็เป็นกรุงเทพฯ แบบนี้มานานแล้วครับ ยกเว้นเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจ แล้วใครเขาจะให้พรรคอื่นมาทำดีในพื้นที่ทองคำอย่างกรุงเทพฯ?
.
เราเคยมีผู้ว่าฯ ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ติดต่อกันหลายคน แม้แต่ผู้ว่ากรุงเทพฯ ที่มาจากการเลือกตั้งล่าสุดที่บอกว่า หากไม่อยากรถติด ก็ให้ไปอยู่ที่จังหวัดอื่น หรือน้ำไม่ได้ท่วม แต่รอการระบายอยู่ ให้ไปอยู่บนภูเขาหนีนำ้ท่วมไปพลางก่อน
.
นี่ก็ผู้ว่าฯ พรรคประชาธิปัตย์ แล้วเราเห็นอะไรเปลี่ยนบ้าง?
.
ขนาดจะไปเปรียบความเจริญถึงเมืองโตเกียว ปักกิ่ง ลอนดอนไปโน่น อย่าถึงขนาดนั้นเลย ตอนนี้เอาแค่ชนะฮานอยเสียก่อนก็พอแล้ว
.
แล้วที่ไปคุยถึงขนาดบอกว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ของคนที่เป็นหลาน “ผู้คิดค้นสูตรระเบิดนิวเคลียร์” เลยเหมาว่าเป็นสายเลือดไทยคนแรกที่เป็นทายาท จะมาพัฒนากรุงเทพฯ พารอยยิ้มมาให้ เอากันไปถึงโน่นซะแล้ว
.
ผีไอน์สไตน์ถึงกับขนลุก ตื่นขึ้นมาถามว่า “มาจากไหนวะ?”
.
ตอนนี้ก็อย่าให้เกินงาม แค่ไหว้สวยๆ ขยันออกข่าว ออกนโยบาย ทำได้ไม่ได้ก็ระวังไว้หน่อย เพราะโซเชียลมันไว ไม่เหมือนแต่ก่อน จะเสียคนเหมือนผู้ว่าคนก่อนๆ เอาได้
.
นี่สาบานเลยนะครับว่า ไม่ได้ไปโจมตีใคร หากมาว่าผมบาปกรรมตายชัก เพราะผมพูดอย่างที่คนกรุงเทพฯ ส่วนมากคิด
.
ถ้าเป็นผมหาเสียง จะออกนโยบาย “ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรกรุงเทพฯ ขอให้เหมือนเดิม เพราะจะเลือกผม หรือเลือกใคร กรุงเทพฯ ก็ยังเหมือนเดิมครับ ไปเปลี่ยนนายกฯ ดีกว่าครับ”
.
กรุงเทพฯ คือประเทศไทย อยากเปลี่ยนอะไร หากไม่ถามนายกฯ คนนี้ อาจหลุดเก้าอี้ไม่รู้ตัว
.
เชื่อผมเถอะ เรื่องรู้ใจคนกรุงเทพฯ ต้องชูวิทย์