วันจันทร์, ตุลาคม 10, 2565

ข้อคิดเวลาเอาคำว่า “สงคราม” ไปใช้กับนโยบายอะไรสักอย่าง เช่น สงครามยาเสพติด


Puangthong Pawakapan
1d

รัฐบาลประยุทธ์ล้มเหลวกับการแก้ปัญหายาเสพติด จริงๆ คือล้มเหลวทุกเรื่องเพราะปล่อยให้ข้าราชการเป็นตัวขับเคลื่อนระบบ ทุกรัฐบาลหลังจากนี้ต้องมีนโยบายเพื่อตามแก้ปัญหาที่ระบอบทหารหมักหมมไว้มากมาย เรื่องนี้ก็เช่นกัน พรรคเพื่อไทยไม่ผิดที่จะมีนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด แต่อย่าใช้วิธีการที่ทำให้คนเข้าใจว่าจะทำแบบเดียวกับรัฐบาลทักษิณมาหากินอีกเลย อย่าเอานโยบายที่ให้ไฟเขียวการวิสามัญฯคนกว่า 2 พันคนโดยพวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้รับ due processs ใดๆ และคนทำไม่เคยรับผิด (impunity) กลับมาอีก
ICC ได้รับพิจารณากรณีนโยบายสงครามปราบยาเสพติดของ ปธน.ดูเตอร์เต้แห่งฟิลิปปินส์ ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติแล้ว เป็นนโยบายที่ให้ไฟเขียวกับวิสามัญฆาตกรรมคนกว่า 3,000 คน เป็นนโยบายที่สื่อทั่วโลกมองว่าลอกเลียนแบบไปจากทักษิณ …. กรุณาระวังผู้นำคนต่อไปของพรรคเพื่อไทยจะประสบชะตากรรมเดียวกันด้วย
เบื่อที่จะเขียนเรื่องนี้ ขออ้างคำของมิตรสหายท่านหนึ่งมาแทนแล้วกัน เชื่อว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเช่นนี้มีไม่น้อย ขอให้ช่วยกันส่งเสียงห้ามปราม
ข้อความข้างล่างนี้มาจากมิตรสหายท่านหนึ่ง
เวลาเอาคำว่า “สงคราม” ไปใช้กับนโยบายอะไรสักอย่าง เช่น สงครามต่อต้านความยากจน สงครามยาเสพติด policy maker ที่ดี ไม่ควรใช้คำที่ provoke ให้ผู้คนมากขนาดนั้น
โดยเฉพาะในยุคก่อน สงครามปราบปรามยาเสพติด เกิดมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต เพราะเราให้ license to kill กับองค์กรแบบตำรวจไทยที่เราเห็นกันอยู่นี่ ก็หวังว่ามันจะไม่มายิงกบาลยัดยาลูกหลานเราเอา 2 ขั้นละกันครับ รอบนี้
เพื่อไทยควรคิดใหม่ อย่าเอาโมเมนตั้มเคสหนองบัวลำภูมาเป็นตัวส่ง เคสหนองบัวลำภูผู้ก่อเหตุไม่พบสารเสพติดในร่างกายด้วยซ้ำ มันอาจมีเหตุอื่นที่เป็นชนวนให้กระทำการแบบนั้น
การที่พรรคเพื่อไทยเอาอารมณ์ร่วมความโกรธแค้นปนเปของสังคมมาใช้แบบนี้ ผมว่าเป็นวิธีเดียวกับอนุทินตอนผลักดันนโยบายกัญชาโดยใช้วิธี provoke ไม่สนผลเสียรอบคอบ ดีกว่าก็ตรงที่ ภูมิใจไทยนี่ดูออกง่ายว่า ทำมาหาแดก แต่เพื่อไทยหวังแลนด์สไลด์มีอำนาจบริหารเท่านั้น
ถ้าเศรษฐกิจดี ผู้คนมีเงินจับจ่ายใช้สอย มีอาชีพสุจริตที่มีรายได้ดี ถึงไม่ต้องมีรัฐสวัสดิการ ไม่ต้องมีการประกาศสงครามยาเสพติด ยอดผู้เสพ ผู้ขาย มันก็เป็นธรรมชาติที่จะลดลง ดีมานด์ ซัพพลาย ไปเน้นทางนั้น น่าจะดีกว่า
.....




.....


Atukkit Sawangsuk
11h

การประกาศสงครามยาเสพติด
ที่จะทำทั้งเพื่อไทยมหาดไทย
นอกจากไม่ใช่การแก้ปัญหาเพราะอาการ mental breakdown ไม่น่าจะมาจากยาเสพติดอย่างเดียว
ประเด็นสำคัญคือการปราบยาด้วยอำนาจนิยม ด้วยความรุนแรง แก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้จริง แค่ทำให้คนเชื่อว่าขึงขังเอาจริงแล้วจะปราบได้
การแก้ปัญหายาเสพติด ก่อนอื่นต้องมุ่งไปที่ผู้เสพ เน้นการบำบัด ลดจำนวนคนเสพ ถ้าคนเสพยังมาก ยิ่งปราบยาบ้ายิ่งราคาแพง จับหรือฆ่าคนขายเท่าไหร่ก็ไม่หมด
อีกข้อที่น่าสังเกต คือยิ่งปราบ เจ้าหน้าที่ยิ่งมีอำนาจมาก มีผลประโยชน์มาก และมีปัญหาเรื่องความยุติธรรม แล้วก็ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้จริง
โดยเฉพาะยุคประยุทธ์ ราชการทหารตำรวจเป็นใหญ่ ทำไมยิ่งมีอำนาจมากยิ่งปราบไม่ได้
เจ้าหน้าที่ปราบยาเสพติด ทั้ง ปปส. ตำรวจ ทหาร ปปง. มีอำนาจมาก เช่นทหารตำรวจถือบัตร ปปส.ตรวจค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น
จับยาเสพติดได้ ได้ทั้งสินบนนำจับ เงินรางวัล
ยึดทรัพย์ก็มีส่วนแบ่งรางวัล ทั้ง ปปส. ปปง.
การมีสินบนล่อใจอาจทำให้ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา หรือจงใจตามล่าทำเฉพาะคดีที่มีรางวัลสูง (ทำคดียาเสพติดดีกว่าคดีฆ่าคนตาย)
ใครที่จะประกาศสงครามยาเสพติดต้องคิดถึงมุมกลับด้วย

Atukkit Sawangsuk
5h

"สงครามยาเสพติด"
ว่าที่จริง ตั้งแต่ "พี่โทนี่" กลับมาทางคลับเฮาส์ แล้วถูกคนรุ่นใหม่ถามเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน กรือเซะ ตากใบ ฆ่าตัดตอน ในยุคไทยรักไทย
ก็มีท่าทียอมรับอยู่กลายๆ ว่าทำไม่ถูก
(โดยเฉพาะเรื่องสามจังหวัด รู้ตัวและปรับนโยบายตั้งแต่ยุคยิ่งลักษณ์)
:
แต่เวลาชูผลงานในอดีตของไทยรักไทย
พรรคเพื่อไทยก็ยังเอา "ปราบยาเสพติด" มาชูด้วยเสมอ
นักการเมืองเพื่อไทย และ FC เพื่อไทยบางส่วน
ยังเห็น "สงครามยาเสพติด" ้เป็นผลงานชิ้นโบแดงยุคทักษิณ
กลายเป็น "ประชานิยม" อย่างหนึ่ง
"สู้ยุคทักษิณไม่ได้ปราบยาเสพติดเฉียบขาดกว่า"
พอเกิดเรื่องที่หนองบัวลำภู ความคิดนี้ก็โพล่งออกมา
:
เข้าใจนะว่า พรรคเพื่อไทยชูนโยบายปราบยาเสพติดได้
โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่า รัฐบาลนี้ปราบยาเสพติดไม่ได้ผล
แต่เพื่อไทยมีแผล ที่จะต้องประกาศนโยบายพร้อมให้คำมั่นหลักประกันว่าจะไม่ซ้ำรอยอดีต