วันจันทร์, ตุลาคม 31, 2565

ฮาโลวีนปีนี้ คุณคิดถึงใคร ?


Jaran Ditapichai
12h
ฮาโลวีนปีนี้ คิดถึงและยกย่องปีศาจแห่งกาลเวลาที่มาหลอกหลอนกษัตริย์และชนชั้นปกครองไทย


Tewarit Bus Maneechai
May 18, 2019

"..ห้องขังยังมีที่ว่าง ให้เขาแทรกอยู่สักคนหนึ่ง อย่าเอาชีวิตเขา.."

แม่ของ สยาม ธีรวุฒิ กล่าว กับเว็บ prakaifai.com

แม่สยามบอกว่าหลังจากไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรแล้วฝันว่าเจอสยามในฝัน โดยสยามในฝันของแม่นั้นติดคุกอยู่ พร้อมกับบอกด้วยว่า "แม่ไม่ต้องห่วงนะ ผมสบายดี"

ชมบทสัมภาษณ์(มีแปลภาษาอังกฤษด้วย)ได้ที่ : https://prakaifai.com/2019/05/16/please-spare-my-son-life/

สำหรับ สยาม นั้น เขาเป็น 1 ใน 3 ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ภาคีไทยเพื่อสิทธิฯ ออกมาแถลงว่า ถูกส่งตัวจากเวียดนามกลับมาไทย แต่หลายวันที่ผ่านมาครอบครัวและเพื่อนได้ติดตามทวงถามเบาะแสตามสถานที่ต่างๆ ก็ไม่ได้รับคำตอบ ท่ามกลางความกังวลที่ทั้ง 3 จะต้องเผชิญชตากรรมไม่ต่างจากผู้ลี้ภัย 3 คนชุด สุรชัย แช่ด่าน ที่ถูกฆาตรกรรมอย่างโหดเหี้ยมก่อนหน้านี้

เพิ่มเติม : รู้จัก ‘สยาม ธีรวุฒิ’ 1 ใน 3 ผู้ลี้ภัยการเมือง จากเวียดนามสู่หนไหน(ยัง)ไม่มีใครรู้


https://www.facebook.com/photo/?fbid=2604136656338688&set=a.152292684856443
Nithiwat Wannasiri
December 31, 2019

รายแรกที่ถูกอุ้มฆ่าหายไปเมื่อหลายปีก่อนคือดีเจเบียร์
ข่าวการถูกอุ้มหายคนต่อมาคือโกตี๋ กลางปี 60 รายนี้ผมไม่มั่นใจการข่าวว่าหายจริงหรือหลบหายเก็บตัวเหมือนที่เคยทำ ซึ่งปกติผมกับเขาก็ไม่ค่อยถูกกันด้านแนวคิดด้านสักเท่าไหร่

สถานีวิทยุออนไลน์ต่อต้านคสช.นั้นแรกเริ่มก่อตั้งขึ้นเพียงสถานีเดียว คือ Thailef (ไทยเสรีเรดิโอ) ที่รวมทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ลี้ภัยในประเทศนี้เป็นเเครือข่ายวิทยุเดียว และขยับขยายเป็น 3 สถานีในเวลาถัดมา

3 สถานีดังกล่าว ในช่วงท้ายของการถูกล่าสังหารโดยอำนาจรัฐไทย คือสถานี ปฏิวัติประเทศไทย (กับ อ.สุุรชัย แซ่ด่าน) สถานีองค์กรสหพันธรัฐไทย(นำโดยสนามหลวง-โกตี๋) และสถานีไฟเย็น

ข่าวการหายไปของโกตี๋ยังคงเป็นปริศนา จากความคลุมเครือทางข้อมูลจากคนสนิทของเขาและบริบทแวดล้อมเรื่องภรรยาแยะสัตว์เลี้ยงที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกัน

สถานีไฟเย็นนั้นมีสัมพันธ์อันดีกับสถานีปฏิวัติประเทศไทยแม้จะเดินคนละแนวทางแต่การต่อสู้ร่วมกันมาตลอดบนเวทีในประเทศไทยก่อนรัฐประหารนั้นเป็นดั่งสิ่งผูกโยงจิตใจต่อกันเสมอมา เรามีนัดมีทติ้งกันทุกเดือนหรือสองเดือน ไปตกปลา ทำกับข้าวที่บ้านพักอ.สุรชัยกันเป็นปกติ

แม้กระทั่งวันที่ 12 ธันวาที่ถูกอุ้มหายยกสถานี เราก็มีนัดไปตกปลากันในตอนแรก แต่ฝ่ายการข่าวแจ้งให้พวกเราทุกคนอพยพออกนอกพื้นที่เราจึงต้องเลื่อนออกไป

พี่กาสะลอง ไกรเดช ลือเลิศ เซียนไก่ชน ผู้รักษาความปลอดภัย และพลขับส่วนตัวของอ.สุรชัย แรกเริ่มเดิมทีเขาฝึกฝนวิชาถ่ายทอดสดทางไกลมาจากน้สบังสกุลไทยว้อยซ์ ซึ่งช่วงหลังได้แปรภักตร์กลับไปทำงานกับกลุ่มทวงคืนพลังงาน แต่สหายกาสะลองไม่เคยทิ้งอ.สุรชัยให้อยู่ลำพังอีกหลังจากเวทีสุดท้ายที่อักษะ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

อ.สุรชัยจะไม่ออกจากบ้านพักหรือเดินทางไปที่ไหนก็ตามภายนอกหากไม่มีคนสนิทที่ไว้ใจที่สุดอย่างพี่กาสะลองเป็นพลขับ

ปีแรกๆในการลี้ภัย อ.สุรชัยพยายามสร้างสถานที่พักที่รองรับผู้หลบภัยทางการเมืองได้จำนวนมากๆ ในรูปแบบคล้ายๆค่ายคอมมิวนิสต์ มีสวนผลไม้ขนาดใหญ่อยู่ภายในและมีผู้หลบภัยคนอื่นๆปลูกบ้านสร้างคอมมูนอยู่ด้านหลัง ซึ่งกฎระเบียบบางอย่างในคอมมูนที่อ.สุรชัยตั้งขึ้นสำหรับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในคอมมูนได้สร้างความไม่พอใจกับสมาชิกคอมมูนบางส่วนถึงขั้นแช่งชักหักกระดูกกันก่อนย้ายออกจากคอมมูน ซึ่งภายหลังกลุ่มบุคคลเหล่านั้นเองก็อาจจะมีส่วนในการให้ข้อมูลและชี้เป้าอุ้มฆ่าพวกเขาในภายหลัง

ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยือนอ.สุรชัย พี่กาสะลองจะเป็นผู้มารับมาส่งพวกเราเสมอบางครั้งก็เป็นไกด์พาเราไปเท่่ยวที่ต่างๆที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง ความผูกพันธ์ในขบวนการต่อสู้อาจเพราะเราเห็นหน้าค่าตาเขามาตลอดตั้งแต่อยู่ที่ไทย

พี่กาสะลองเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ไม่วอกแวก ไม่โกรธใครง่ายๆ ไม่จุกจิกกับเรื่องเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะพูดสิ่งใดก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องสำคัญจริงๆเท่านั้น

พี่ภูชนะ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ หลบหนีการถูกเชื่อมโยงในคดีอาวุธมาในแผ่นดินใหม่ ก่อนหน้านั้นกว่าสามปี รับหน้าที่สหายพิทักษ์ให้สหายร้อย อยู่ค่ายเขตงานทางภาคเหนือ ก่อนค่ายจะแตกและมาอาศัยช่วยงานที่สถานีอ.สุรชัย

พี่ภูชนะเคยเป็นโรคกระดูกทับเส้นเรื้อรัง แต่หายกลับมาเป็นปกติเมื่อมาพำนักอาศัยกับอ.สุรชัยและได้รับการบำบัดรักษาจากวิชารักษากระดูกทับเส้นที่อ.สุรชัยได้เรียนรู้มาจากการติดคุกกว่า 20 ปี จนหายเป็นปกติ และปวรณาตนเป็นสหายพิทักษ์ติดตามคุ้มครองความปลอดภัยให้อ.สุรชัยหลังจากนั้นมา

หลังจากผมได้เข้าไปทำงานเส้นทางสายกันชารักษาโรค ผมพอจะคัดเลือกเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ไว้ได้จำนวนมาก ก็แบ่งปันกันไปในเหล่าผู้ลี้ภัยกลุ่มต่างๆ จสสุดท้ายได้ทราบว่าในบรรดาผู้ลี้ภัยทั้งหมด ผู้ช่ำชองวิชสเพาะเมล็ดและปลูกกันชามากที่สุดนั้นคือสหายภูชนะนั่นเอง เขาจะมีเทคนิคเคล็ดลับแปลกๆในการปลูกมาสอนผมเสมอๆ เช่นการเลี้ยงไส้เดือนระบบเปิด การใช้ปุ๋ย 16-16-16 รองใต้หลุมปลูก

ช่วงหลังพี่ภูชนะพัฒนาฝีมือปลูกอย่างรวดเร็วและไปมาหาสู่กับผมบ่อยเพราะนำเมล็ดไปเพาะแจกมิตรสหายและชาวบ้านที่สนิทสนมใช้ปรุงอาหาร แม้แต่หลังจากที่เขาถูกอุ้มหายไป ยังมีต้นอ่อนที่เพิ่งเพาะขึ้นอยู่ในบ้านพักกว่า 30 ต้น

อ.สุรชัย สหายเฒ่าผู้เปี่ยมเมตตา ในปีแรกใครที่หนีข้าๆมฝั่งมาไม่มีที่พักหลับนอนอาจารย์ก็รับอาสาให้เข้ามาพักอาศัยร่วมคอมมูนโดยไม่รังเกียจแนวทางฝั่งฝ่าย อ.สุรชัยมีแฟนคลับแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งเราก็แวะเวียนไปร่วมวงอาหารที่บ้านพักโดยที่อาจารย์ไม่เคยรังเกียจเดียดฉันใดใดๆแม้แต่ครั้งเดียว

การอุ้มฆ่าพวกเขาเหล่านั้นในค่ำคืนที่คณะคสช.ประยุทธ์มาเยือนอย่างไม่เป็นทางการพร้อมเงินบริจาคให้เปล่าอีก 75 ล้านบาท ...ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

----
สหายเลือด หรือน้ายังบลัด เป็นอดีตสหายเก่าในแ่าเขตงานบูรพาพิเศษ เศษรอดชีวิตมาหลายสมรภูมิหลายสงคราม ในเขตงานเดียวกับสหายสมชาย หรือ ลุงสนามหลวง เขาผูกพันธ์ชีวิตและอุดมการณ์กันมาตั้งแต่ในป่า

น้าเลือดเป็นคนไม่ค่อยพูด พูดน้อยต่อยหนัก แต่ถ้าได้คุยถูกคอ เขามีเรื่องเล่าโชกโชน สนุดโหดร้ายปนมุกขำขัน มาจากการผ่านหลากหลายสมรภูมิในเขตงานป่าเขามาเล่าได้ไม่หยุด ถ้าเขียนเป็นหนังสือก็คงเป็นหนังสือผจญภัยสู้รบสนุกๆนับสิบเล่ม

ผมเสนอชื่อรายการ"หมายเหตุจากเขตงาน"ให้น้าเลือดได้จัดร่วมกับลุงสนามหลวง เพื่อเล่าเรื่องราวความหลังในป่าและการประยุกต์ใช้สิ่งต่างๆในการต่อสู้ทางการเมืองในปัจจุบัน

เขาถูกจับกุมไปพร้อมกับลุงสนามหลวงและดีเจข้าวเหนียวมะม่วง

ลุงสนามหลวง อดีตหมอป่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเขตงานลับบูรพาพิเศษ ลุงสนามหลวงชอบเล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยชีวิตอันตรายในป่าเสมอๆ เขาบอกว่าที่รอดมาได้เพราะเป็นหมอประจำหน่วย ไปไหนก็ไปคนสุดท้ายไปรักษาคนอื่น จนเพื่อนบางชุดปฏิบัติงานเดียวกันตายเกือบหมดแล้วเขายังรอดอยู่และยืนยันว่าแม้จะจับปืนสู้ แต่ด้วยความเป็นหมอของหน่วยเขาจึงไม่ค่อยได้เป็นหน่วยปะทะ ไม่เคยฆ่าคน เคยแต่รักษาคน

ลุงสนามหลวงเป็นคนมีวาทศิลป์ล้ำลึก และชักนำจิตใจผู้คนได้เก่งฉกาจ ด้วยการศึกษาเปรียบเทียบหนังสือข้อมูลต่างไอย่างกว้างขวาง ความรู้รอบด้านทั้งทางประวัติศาสตร์ และศาสนา สายข่าววงในที่แม่นยำและกว้างไกล บวกกับการใช้จิตวิทยาเสมอในการชี้นำมวลชนให้เห็นถึงแก่นปัญหา เรียกได้ว่าเป็นนักจัดรายการชนิดแม่เหล็ก ดึงดูดผู้คนฝ่ายต่อต้านมาฝังและร่วมขบวนได้มากที่สุดในบรรดานักจัดรายการทั้งหมดก็ว่าได้

ข่าวสุดท้ายที่เราได้ยินคือพวกเขาถูกจับตัวที่เวียดนามจากการใช้พาสปอร์ตปลอม ถูกนำตัวไปขัง และไม่มีใครได้ยินข่าวของพวกเขาอีกเลย บางคนก็บอกว่า ความเคลื่อนไหวสุดท้ายคือเขาถูกย้ายสถานที่คุมขังไปที่แห่งใหม่ไม่รู้ชะตากรรมตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. แต่จ่าวของพวกเขาว่าถูกส่งตัวกลับไทย พร้อมภาพพาสปอร์ตปลอมของพวกเขาถูกนำมาเผยแพร่ในสองสามเดือนให้หลัง

สยาม ธีรวุฒิ - ดีเจข้าวเหนียวมะม่วง หรือ สิแยร์ ประกายไฟ อายุ 35ปี เขาเป็นเพื่อนนักกิจกรรมนักศึกษาในวงการสนนท.กับผมมากว่าสิบปี ตั้งแต่ยุคแรกตั้งคณะละครประกายไฟ และเราก็ร่วมแสดงด้วยกันมิได้ขาด เขาอาจเล่นแข็งๆทื่อๆไปบ้างตามสไตล์ของเขา แต่เขาไม่เคยทำให้ละครมันสะดุดหรือผิดพลาดเท่าใดนัก เพราะเขาตั้งใจทำในงานที่เขาได้รับมอบหมายอย่างสุดจิตสุดใจเสมอ

เมื่อครั้งแม่จ่านิวถูกจับในคดี"จ้า"เพื่อข่มขู่ให้จ่านิวเลิกทำกิจกรรม สยามได้ร้องเพลงฝากผลงานไว้กับวงไฟเย็นเอาไว้เพลงหนึ่ง ชื่อเพลงว่า"จ้า" เขาเป็นนักร้องที่ดีและมีสไตล์การร้องน่าสนใจคนหนึ่ง ในช่วงหลังเขาพยายามฝึกเบสเพื่อมาช่วยเติมมือเบสให้วงไฟเย็นครบเครื่อง แต่เราก็ต้องสูญเสียเขาไปเสียก่อน

สยามได้รับการถ่ายทอดวิชาเกี่ยวกับการคุมเครื่องออกอากาศและประซาวด์ออกอากาศยูทูปจากหัวหน้าวงไฟเย็น และทำหน้าที่เสมือนมือซ้ายให้ลุงสนามหลวง ทั้งเรื่องการเงิน การซื้อกับข้าว การเป็นพิธีกร และการเปิดปิดสถานีของช่องสหพันธรัฐไท ล้วนขาดเขาไม่ได้ทั้งสิ้น

เขาเคยมีรายการเป็นของตนเอง ที่จะสรุปข้อมูลปวศ.มากมายจากหนังสือต่างๆมาทำเป็นคลิปสั้นๆในสไตล์คล้ายรายการกระจกหกด้าน ชื่อรายการ "เกร็ดการเมืองไทย" หากคนหาในยูทูปอาจยังพอเห็นอยู่บ้าง

เขาหายตัวไปและไม่มีใครติดต่อได้อีกเลยพร้อมสหายเลือดและลุงสนามหลวง

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา คนรู้จัก คนสนิท ทคนแล้วคนเล่า ค่อยๆถูกอุ้มฆ่า อุ้มหายไปทีละ 3 คน
สมาชิกสถานีวิทยุตอบโต้คสช.3สถานีในดินแดนฝั่งซ้าย 8 จาก 13 คน ถูกอำนาจมืดไล่ล่าฆ่าสังหาร

ผมรู้จักคุ้นเคยกับพวกเขาทุกคน
มันเป็นช่วงปีที่หนักมากมายกับความรู้สึกสูญเสีย คับแค้น และต้องคอยเฝ้าระวังตนเองและสมาชิกสถานีที่เหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายตลอดทุกๆคืน เพราะไม่รู้การจู่โจมจะเกิดขึ้นในค่ำคืนไหน

สุดท้ายมีมือเล็กๆหลายๆมือ ยื่นเข้ามาช่วยเหลือเรา จนเราได้มาถึงปารีสกันเป็นทีม เป็นกรณีพิเศษ

และเราจะไม่มีทางลืมเลือนสิางที่เกิดขึ้น รวมถึงดารตามหาข้อเท็จจริงว่าใครกระทำเพื่อนมิตรสหายเรา(แม้จะรู้อยู่แก่ใจ)เพื่อรอวันจะเอาความเป็นธรรมคืนกลับมาให้พวกเขาและญาติได้มากที่สุดเท่าที่มีแรงจะทำได้