วันอาทิตย์, ตุลาคม 23, 2565

“ขยันไปก็ไร้อนาคต สู้ปล่อยให้ชีวิตเน่าไปเสียดีกว่า!” รู้จักเทรนด์ใหม่ “ป่ายล่าน” (Bailan) หนุ่มสาวจีน


กรุงเทพธุรกิจ
3d

“ขยันไปก็ไร้อนาคต สู้ปล่อยให้ชีวิตเน่าไปเสียดีกว่า!” รู้จักเทรนด์ใหม่ “ป่ายล่าน” (Bailan) สะท้อนวัยรุ่นจีนยอมแพ้โชคชะตาและระบบสังคมเดิมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำและความคาดหวังสูง
.
หากใครยังจำได้ ในปี 2564 มีเทรนด์หนึ่งในจีนซึ่งแพร่หลายมากในกลุ่มมิลเลนเนียล เรียกว่า “Lying flat” หรือ “ถังผิง” ซึ่งเป็นการนอนราบเพื่อประท้วงค่านิยมในสังคมจีนที่มีการแข่งขันสูงเกินไปและปกป้องสิทธิในการพักผ่อนและผ่อนคลายจากการทำงาน
.
แต่มาในปีนี้ เกิดเทรนด์ใหม่เรียกว่า “ป่ายล่าน” (Bailan) จากคำภาษาจีนกลางที่แปลว่า “ปล่อยให้เน่าไป” ซึ่งเทรนด์นี้ถูกใช้โดยหนุ่มสาวจีนกลุ่มเจน Z และมิลเลนเนียล เพื่อนิยามชุดความคิดของการหันมาปล่อยชีวิตให้เน่าไปตามมีตามเกิด และหลบหนีจากความคาดหวังเรื่องชีวิตที่พยายามมากแค่ไหนก็ไร้ความหมายและไม่มีทางสำเร็จได้
.
นอกจากนี้ คำว่า ป่ายล่าน ยังอธิบายถึงการยอมแพ้และปล่อยเลยตามเลยในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และมีที่มาจากกลยุทธ์ในกีฬาบาสเกตบอล ที่ใช้คำนี้เมื่อทีมที่กำลังจะแพ้หยุดพยายามไล่ทำแต้มคืนเพื่อให้เกมจบเร็วขึ้น
.
ปัจจุบัน กลุ่มคนหนุ่มสาวในจีนกำลังเผชิญกับแรงต้านอันหนักอึ้งและบั่นทอนจิตใจหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึงอัตราการว่างงานในเยาวชนที่สูงแตะ 18.7% ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาบ้านที่คิดเป็น 14 เท่าของเงินเดือนเฉลี่ย ปัจจัยแวดล้อมการหาคู่ที่ซับซ้อน และแนวโน้มที่อาจต้องดูแลพ่อแม่วัยชราพร้อมกับเลี้ยงลูกของตนไปด้วย
.
จาก นอนราบ วิวัฒนาการสู่ ปล่อยชีวิตเน่าไป
.
ในขณะที่ผู้ร่วมกระแส “นอนราบ” หรือ Lying flat รณรงค์ให้ตั้งเป้าหมายชีวิตแบบเสมอตัว ไม่ต้องขยันเกินตัวหรือทำงานนอกเหนือหน้าที่ หรือคล้าย ๆ กับเทรนด์ “ลาออกเงียบ” (Quiet Quitting) กลุ่มร่วมกระแส “ปล่อยให้เน่าไป” หรือ ป่ายล่าน ใช้ชีวิตแบบไม่อยากดิ้นรนหรือทำอะไรเลย แม้จะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของตนก็ตาม เพราะไม่เห็นประโยชน์จากการทำแบบนั้น
.
ขณะเดียวกัน เทรนด์ป่ายล่าน ยังตอบสนองปัญหาขั้นพื้นฐานเดียวกันในหลายด้าน ซึ่งถือเป็นการประท้วงการแข่งขันที่สูงเกินไปและการต้องเห็นเพื่อน ๆ ทำงานหนักจนเสียชีวิตในวัฒนธรรมการทำงานแบบ “9-9-6” (การทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มเป็นเวลา 6 วันต่อสัปดาห์) ของบริษัทในจีนที่ยิ่งรุนแรงขึ้นจากภาวะตลาดแรงงานหดตัว
.
อย่างไรก็ตาม ข้อแตกต่างระหว่าง 2 เทรนด์นี้คือ เทรนด์นอนราบมีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางสังคมในปัจจุบัน ขณะที่เทรนด์ป่ายล่านดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกอยากอยู่เฉย ๆ เพราะต่อให้ดิ้นรนไป ก็ยังมองเห็นอนาคตที่มืดมนรออยู่ข้างหน้าและไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี
.
เทรนด์ใหม่ส่อซ้ำเติมเศรษฐกิจจีน
.
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างแสดงความกังวลว่า เทรนด์ป่ายล่าน หรือปล่อยชีวิตให้เน่าไปของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีน อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัวอยู่แล้ว และส่งผลกระทบซ้ำเติมต่ออัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ของจีนด้วย
.
“อาจมีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ปล่อยชีวิตให้เน่าไปจริง ๆ แต่เมื่อคำที่เป็นกระแสคำหนึ่งถูกขยายความเกินจริงบนสังคมออนไลน์ ย่อมทำให้เกิดบรรยากาศทางสังคมขึ้น และอาจมากพอที่จะสร้างผลกระทบได้” ศาสตราจารย์ ซื่อ เหล่ย จากมหาวิทยาลัยฟูตันในนครเซี่ยงไฮ้ กล่าว
.
ขณะที่ศาสตราจารย์ หยู ไห่ จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟูตัน อธิบายว่า เทรนด์นอนราบ เป็นการแสดงออกแบบเป็นกลาง ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ไร้พิษภัยในการดิ้นรนเพียงเพื่อสิ่งที่จำเป็นต่อการอยู่รอดของตนเท่านั้น ส่วนเทรนด์ปล่อยให้เน่าไป หรือป่ายล่าน เป็นการแสดงออกทางลบ ซึ่งดูเหมือนเป็นสิ่งที่น่าตำหนิในเชิงศีลธรรม แต่จริง ๆ แล้วเป็น “กลไกรับมือ” สำหรับคนรุ่นใหม่ในการปกป้องตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดและแรงกดดันทางสังคมที่เพิ่มขึ้น
.
“ไม่มีใครชอบถูกคนอื่นเรียกว่าทำตัวเน่า แต่เมื่อพวกเขาจัดวางตัวเองให้อยู่ในจุดที่ต่ำมากและเรียกตัวเองแบบนั้นเสียเอง หมายความว่าพวกเขากำลังปกป้องตัวเองจากคำวิจารณ์ของคนอื่น” หยู ระบุ
.
อ่านเพิ่มเติม: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1032820?anm=