นโยบายนี้ทะเล่อทะล่าออกมาจังหวะไม่ดี เดาเอาว่าคงตั้งใจล่อคนจีนนั่นละ แต่พอดีเกิดเรื่องใหญ่ ‘ผับอัพยา’ แถวยานนาวาถูกตำรวจบุกจับกุม พบว่าเป็นสถานมั่วสุมของนักเที่ยวชาวจีนสองร้อยกว่าคน ตรวจเจอฉี่ม่วงร้อยกว่าคน ยาเสพติดของกลางตรึม
ซ้ำร้ายเจ้าของผับเป็นชายเชื้อชาติจีน แต่ได้สัญชาติไทยจากการแต่งงานกับหญิงไทย ที่ปรากฏว่าบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ ๓ ล้านบาท ที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมบอกว่า “เขาก็อาจศรัทธาในแนวทางพรรคการเมือง” น่ะ
เสียงกระหึ่มอีกเหมือนกันว่าอย่างนี้เข้าข่าย ‘ยุบพรรค’ เชียวละ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่เพิ่งแยกทางกับประชาธิปัตย์ไปร่วมพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟชบุ๊คว่า “สุ่มเสี่ยง” มีผิดเข้าลักษณะเลี่ยง พรบ.พรรคการเมือง ม.๗๔ (๒)
“อันอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ ตาม ม.๙๒” ซึ่ง Atukkit Sawangsuk เตือนความจำกันว่า พรบ.พรรคการเมืองนี้ เมื่อก่อนเคยใช้ยุบพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว “ทั้งที่เป็นแค่การกู้ยืมเงินจากธนาธร ไม่ใช่เงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย...จากเจ้าของผับที่โดนจับยาเสพติด”
ไม่สน ตร.ห้าม สูบบุหรี่บนรถควบคุม (แล้วยัง) สาดน้ำใส่สื่อ” ซึ่งไปทำข่าวที่ สน.ยานนาวา เรื่องนี้มันไปกระทบนโยบายเปิดขายแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองของเสด็จพ่อ ร.๙ อย่างอ้อมๆ แต่แรง มีอย่างที่ไหน เปิดให้ต่างชาติมาเป็นเจ้าของที่ ๑ ไร่
กรรมสิทธิ์เหนือที่ดินติดตัวไปตลอดชีวิต ถ้ารัฐบาลประยุทธ์สามารถชักนำนักลงทุนจีนมาซื้อบอนด์ไทยสักแสนราย แผ่นดินไทย ๑ แสนไร่ก็เป็นสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของจีนไปแล้ว ใครๆ มองว่าไม่คุ้ม
แต่ ‘ตู่และพวก’ ชอบใจ ได้นักลงทุนจีนมาต่ออายุการสืบทอดอำนาจอีกสมัย
(https://www.khaosod.co.th/crime/news_7334252, https://www.thaipbs.or.th/news/content/320901 และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/pfbid0Ys6LX)
